วันพฤหัสบดีที่ 5 เมษายน พ.ศ. 2561

แชร์เก็บไว้เลย !!! แจก 17 สูตรวิธีการชงกาแฟ โอเลี้ยง ยกล้อ กาแฟโบราณ หมดเปลือก เปิดร้านขายได้เลย




เผยสูตรวิธีการชงกาแฟ โอเลี้ยง ยกล้อ กาแฟโบราณบอกหมดเกลี้ยงพร้อมเปิดร้านได้เลย

วิธีการชงกาแฟ โอเลี้ยง ยกล้อ กาแฟโบราณ

1. สูตรชงเนสกาแฟร้อน
เนสกาแฟ 2 ช้อนชา
คอฟฟี่เมต 2 ช้อนชา คนให้เข้ากัน
นมข้นหวาน 2 ช้อนชา (อาจจะเพิ่มตามเหมาะสมถ้าชอบหวาน)
เติมน้ำ 2/4 แก้ว
ใส่นมสดไม่ต้องคนเพราะคนทานจะคนเอง


2. สูตรชงเนสกาแฟเย็น
เนสกาแฟ 2 ช้อนชา
คอฟฟี่เมต 2 ช้อนชา
น้ำตาลทราย 1 ช้อนโต๊ะ
เติมน้ำ 3/4 แก้ว
นมข้นหวาน 2 ช้อนชา
คนให้เข้ากันเทใส่น้ำแข็งโรยนมสด




3. สูตรชงกาแฟโบราณร้อน
เทน้ำกาแฟครึ่งแก้ว
นมข้น 2 ช้อนชา
เทนมสดใส่ลงไป
ไม่ต้องคน เสิร์ฟเลย


4. โอเลี้ยง
ส่วนผสม (สำหรับ 2-3 เสิร์ฟ)
ผงโอเลี้ยง 5-6 ช้อนโต๊ะ
น้ำ 1 1/2 ถ้วย
น้ำตาลทราย 10 ช้อนโต๊ะ
น้ำแข็ง
วิธีทำ
1. ต้มน้ำจนเดือด เตรียมไว้
2. ใส่ผงโอเลี้ยงลงในถุงกาแฟ นำไปวางลงในเหยือกสแตนเลส เทน้ำเดือดลงไป เขย่าถุงเล็กน้อยให้น้ำทั่วถึงกาแฟ พักทิ้งไว้ 7-10 นาที
3. ใส่น้ำตาลลงในแก้วตามชอบ เทโอเลี้ยงตามลงไปคนผสมให้น้ำตาลทรายละลาย เทใส่แก้วที่มีน้ำแข็งจนเต็ม พร้อมเสิร์ฟ



5. ยกล้อ
ส่วนผสม (สำหรับ 2-3 เสิร์ฟ)
ผงโอเลี้ยง 5-6 ช้อนโต๊ะ
น้ำ 1 1/2 ถ้วย
น้ำตาลทราย 10 ช้อนโต๊ะ
น้ำแข็ง
นมข้นจืด
วิธีทำ
1. ต้มน้ำจนเดือด เตรียมไว้
2. ใส่ผงโอเลี้ยงลงในถุงกาแฟ นำไปวางลงในเหยือกสแตนเลส เทน้ำเดือดลงไป เขย่าถุงเล็กน้อยให้น้ำทั่วถึงกาแฟ พักทิ้งไว้ 7-10 นาที
3. ใส่น้ำตาลลงในแก้วตามชอบ เทโอเลี้ยงตามลงไปคนผสมให้น้ำตาลทรายละลาย เทใส่แก้วที่มีน้ำแข็ง ประมาณ 3/4 แก้ว แล้วเทนมข้นจืดลงไปจนเต็มแก้ว พร้อมเสิร์ฟ


6. กาแฟโบราณเย็น
ส่วนผสม (สำหรับ 2-3 เสิร์ฟ)
ผงโอเลี้ยง 5-6 ช้อนโต๊ะ
น้ำ 1 1/2 ถ้วย
น้ำตาลทราย 4 ช้อนโต๊ะ
นมข้นหวาน 9 ช้อนโต๊ะ
นมข้นจืด
น้ำแข็ง
วิธีทำ…
1. ต้มน้ำจนเดือด เตรียมไว้
2. ใส่ผงโอเลี้ยงลงในถุงกาแฟ นำไปวางลงในเหยือกสแตนเลส เทน้ำเดือดลงไป เขย่าถุงเล็กน้อยให้น้ำทั่วถึงกาแฟ พักทิ้งไว้ 7-10 นาที
3. ใส่น้ำตาลทรายลงในแก้ว ตามด้วยนมข้นหวาน เทโอเลี้ยงใส่ลงไป คนผสมให้เข้ากันจนน้ำตาลทรายละลาย เทใส่ลงในแก้วที่มีน้ำแข็งประมาณ 3/4 แก้ว แล้วเทนมข้นจืดลงไปจนเต็มแก้ว พร้อมเสิร์ฟ



7. ชาร้อนโบราณ
เติมผงชาใส่ถุงชง 3 ช้อนโต๊ะ ใส่น้ำร้อน ถ่ายเทไปมา ขั้นตอนเหมือนกาแฟ
-เทน้ำชาครึ่งแก้ว
-นมข้น 2 ช้อนชา
-เทนมสดลงไปนับ1-2-3ไม่ต้องคนเช่นกัน เสิร์ฟเลย


8. ชาดำเย็น
-เทน้ำชาที่อยู่ในถุงชง 1/2 แก้ว
-ใส่น้ำตาลทราย1 ช้อนครึ่ง ช้อนโต๊ะ แล้วคนให้ละลาย
-ตักน้ำแข็งเต็มแก้ว เทชาที่ชงแล้วใส่แก้วน้ำแข็ง พร้อมเสริฟ
-ถ้าอยากได้ชามะนาวใส่น้ำมะนาวลงไปครึ่งลูก และเติมเกลือลงไปปลายช้อนเล็กน้อยก่อนใส่น้ำแข็ง



9. ชาเย็น (ชานม)
-เทน้ำชาที่อยู่ในถุงชง เทใส่แก้ว 1/2 แก้ว
-ใส่นมข้น 2 ช้อนชา
-ใส่น้ำตาลทราย 1 ช้อนครึ่ง (ช้อนโต๊ะ) คนให้เข้ากัน
-ตักน้ำแข็งใส่แก้ว เทนมสดโรย เทน้ำชาที่ชงไว้ แล้วตามด้วยนมสด วนรอบปากแก้วอีกครั้ง


10. สูตรโอวัลติน ร้อน
-ตักผงโอวัลติน(สูตร 3) 2ช้อนชา
-เติมน้ำร้อน1/2 แก้วชงให้ละลาย
 -นมข้นหวาน 2 ช้อนชา
-เหยาะนมสดนับ 1 พร้อมเสิร์ฟเลย


11. สูตรโอวัลตินเย็น
-ตักผงโอวัลติน(สูตร 3) 2ช้อนชา
-น้ำตาลทราย 1 ช้อนโต๊ะ
-น้ำร้อน 1/2 แก้ว คนให้ละลาย
-นมข้นหวาน 2 ช้อนชา คนให้ละลาย
-ตักน้ำแข็งใส่แก้วโรยนมสด ตามด้วยน้ำโอวัลตินที่ชงไว้แล้ว ตามด้วยนมสดวนรอบปากแก้ว…พร้อมเสิร์ฟ



12. สูตรน้ำแดงชง
-น้ำหวานเฮลบลูบอย์ครึ่งแก้ว
-ใส่น้ำร้อนลงไป 3/4 แก้ว
-ถ้าลูกค้าต้องการหวานๆใส่น้ำตาลทราย 1-2 ช้อนโต๊ะ
-ใส่น้ำแข็ง พร้อมเสิร์ฟ


13. สูตรโกโก้ร้อน
-ตักผงโกโก้ 1 ช้อนชา
-น้ำตาล 1 ช้อนชา
-ใส่น้ำร้อน1/2 แก้ว คนให้ละลาย
-นมข้นหวาน 1 ช้อนชา
-เหยาะนมสด นับ 1-2-3 เสริฟพร้อมน้ำชาร้อน


1. สูตรโกโก้เย็น
-ตักผงโกโก้ 1 ช้อนชา
-น้ำตาล 1 ช้อนชาครึ่ง
-ใส่น้ำร้อน ½ แก้วคนให้ละลาย
-นมข้นหวาน 2 ช้อนชาคนให้ละลาย
-ตักน้ำแข็งใส่แก้วโรยนมสด ตามด้วยโกโก้ที่ชงไว้


15. สูตรน้ำบ๊วยเย็น
-บ๊วย 1 ลูกพร้อมน้ำบ๊วย 3 ช้อนชา
-น้ำตาลทราย 2 ช้อนโต๊ะ บี้ส่วนผสมทั้งหมดให้เข้ากัน
-ใส่น้ำร้อน ½ แก้ว คนให้เข้ากัน
-ตักน้ำแข็งให้เต็มแก้ว เทน้ำบ๊วยที่ชงไว้พร้อมทาน


16. สูตร นมเย็น เขียว – แดง
-น้ำแดงหรือน้ำเขียว 2 ช้อนโต๊ะ
-น้ำตาลทราย 1 ช้อนครึ่ง
-นมข้นหวาน 2 ช้อนชา
-ใส่น้ำร้อน ½ แก้วคนให้ละลาย
-ตักน้ำแข็งเต็มแก้วโรยนมสด เทน้ำที่ชงไว้ ลงไป


17. การทำไข่ลวก
-ไข่ 2 ใบ ใส่แก้ว อะลูมิเนียมจะดีที่สุดใส่น้ำเดือดจัด ให้ท่วมไข่
-ใช้เวลา 3 นาที
-ตอกไข่ใส่แก้ว เสริฟพร้อม ซอสภูเขา พริกไทยเกลือ อย่าลวกทิ้งไว้ จะทานค่อยลวก


ที่มา yaimouth.com
ภาพประกอบจากอินเตอร์เน็ต

แชร์เก็บไว้เลย !!! แจกฟรี 8 สูตรแซนวิช สร้างอาชีพ


เคล็ดลับวิธีการทำแซนด์วิชไส้ต่างๆ พร้อมแนะนำอุปกรณ์ที่จำเป็นสามารถเปิดร้านขายได้เลย

วิธีทำแซนด์วิชไส้ต่างๆ
(อาชีพขายแซนวิช ข้อมูลจาก กองส่งเสริมการมีงานทำ กรมการจัดหางาน)

อุปกรณ์
โต๊ะ เก้าอี้ ถาดวางแซนด์วิช มีด ขนมปัง พลาสติกใส(ห่อแซนด์วิช)
สก็อตเทป ตะกร้าใส่ของ
เงินลงทุน ครั้งแรกประมาณ 800 บาท
รายได้ ประมาณ 500 บาท/วัน

วัสดุ/อุปกรณ์
โต๊ะ-เก้าอี้
ถาดวางแซนด์วิช มีด เขียง
ภาชนะใส่ขนมปังและไส้
พลาสติกใส (ห่อแซนด์วิช)
สก๊อตเทป
ตะกร้าใส่ของ



1. แซนวิส ปูอัด
ส่วนผสมเครื่องปรุง
1.ปูอัด 120 กรัม
2.แตงกวาหั่นละเอียด 2 ช้อนโต๊ะ
3.แครอทหั่นละเอียด 2 ช้อนโต๊ะ
4.มายองเนส 100 กรัม
5.ขนมปัง (ไม่จำกัดชนิดแล้วแต่คนชอบแบบไหน)
6.น้ำตาลทราย 1/2 ช้อนโต๊ะ (***กรณีทำให้เด็ก เพราะจะเพิ่มรสหวานให้ถูกปาก)
วิธีทำ
1. ปูอัดยีให้เส้นไม่ติดกัน  จากนั้นน้ำปูอัด แตงกวา/แครอท หั่นละเอียดใส่ลงไปในมายองเนส เติมน้ำตาล
คน/ผสมให้เข้ากัน
2. ตักส่วนผสมประมาณช้อนนึง ลงบนขนมปัง หากชอบเยอะใส่เยอะได้ ระวังใส้จะเยิ้ม ล้น ทะลัก เอาขนมปังอีกแผ่นประกบ
ข้อแนะนำ
- หากส่วนผสมกินไม่หมด ใส่ขวดเข้าตู้เย็นได้ประมาณ 1 อาทิตย์
- ส่วนที่ทาขนมปังแล้ว ห่อ /ใส่กล่องปิดสนิทเก็บในตู้เย็นได้ไม่ควรเกิน 3 วัน เพื่อความสดและอร่อย


@ข้อมูลสูตรจาก คุณisolateboy เว็บ pantip



2. แซนวิชไส้สลัดเนื้อ
ส่วนผสมของแซนด์วิชไส้สลัดเนื้อ
-เนื้อสดหั่นเป็นชิ้นเล็ก ๆ 2 ถ้วยตวง
- รากผักชี 1 ช้อนโต๊ะ
- หอมหัวใหญ่ปอกเปลือก 1 ช้อนโต๊ะ
- พริกไทยป่น 1 ช้อนชา
- น้ำสลัด 3 ช้อนโต๊ะ
-  เกลือ
วิธีการทำแซนวิชไส้สลัดเนื้อ
1.เรียงขนมปังใส่ถาด ตัดขอบออก
2.นำเนื้อสดที่เตรียมมาสับให้ละเอียด หรือใส่โถปั่นให้ละเอียด
ผสมเกลือ พริกไทย รากผักชี เคล้าให้เข้ากันเป็นไส้ ทอดให้สุก แล้วพักไว้
3.นำหอมหัวใหญ่มาสับ ใส่พริกไทยป่น น้ำสลัด 3 ช้อนโต๊ะ
และเกลือเล็กน้อย คลุกให้เข้ากัน ทาบนเนื้อทอด
4.ทาเนยหรือมายองเนสบนขนมปัง ปิ้งด้านหลังให้เกรียม วางเนื้อทอดบนขนมปัง
5.นำขนมปังอีกชิ้นหนึ่งที่ตัดเหมือนกันมาวางประกบ ทำจนหมดขนมปัง
6.ห่อด้วยกระดาษห่อแซนด์วิช


 3. แซนด์วิชไส้แฮม
วิธีการทำแซนด์วิชไส้แฮม
1. นึ่งแฮมให้สุก
2. นำขนมปังมาตัดขอบแข็งออก แล้วทาเนยให้ทั่ว ใส่แตงกวาหรือผักดอง วางแฮมทับ
3. ปิดด้วยขนมปังอีกแผ่น
•เคล็ดลับการทำไส้แฮม
ถ้าต้องการให้มีความอร่อยเพิ่มขึ้น ควรหั่นแฮมเป็นชิ้นสี่เหลี่ยมเล็กๆ
ผสมกับมายองเนส เคล้าให้เข้ากันใช้ทำไส้




4. แซนด์วิชหมูหยอง
วิธีการทำแซนด์วิชหมูหยอง
1. นำขนมปังมาทาเนย ใส่หมูหยองแล้วเกลี่ยให้ทั่วแผ่น
2. ปิดด้วยขนมปังที่ทาด้วยมายองเนส
3. ใส่ฮอตดอกแบนๆ ปิดด้วยขนมปังอีก 1 แผ่น

วิธีทำไส้แซนด์วิช
ส่วนผสมมายองเนส (น้ำสลัด)
น้ำมันสลัด 2 ถ้วยตวง
ไข่แดง (ไข่ไก่) 6 ฟอง
มัสตาร์ด 1 ช้อนโต๊ะ
พริกไทยป่น 1 ช้อนชา
น้ำตาลทราย 1/3 ถ้วยตวง
เกลือป่น 1 ช้อนชา
น้ำมะนาว 5 ช้อนโต๊ะ
วิธีทำ
1.ผสมน้ำตาลทราย มัสตาร์ด พริกไทยป่น เกลือป่น เข้าด้วยกัน
2.ใส่ไข่แดงลงไปคนหรือใช้เครื่องตีจนขึ้นฟู
3.ใส่น้ำมันสลัดสลับกับน้ำมะนาวจนหมด


5. แซนด์วิชไส้ไก่
ส่วนผสมไส้ไก่
อกไก่ต้มสับละเอียด 1/2 ถ้วยตวง
หมูแฮมติดมันเล็กน้อยสับละเอียด 1/2 ถ้วยตวง
**ผักดองสับละเอียด 1 ช้อนโต๊ะ
มายองเนส (น้ำสลัด) 1/4 ถ้วยตวง
วีธีทำ
ผสมเครื่องปรุงพอเข้ากัน ทาบนขนมปังชิ้นหนึ่ง แล้ววางผักกาดหอมข้างบน
เอาขนมปังอีกชิ้นหนึ่งทาเนยบาง ๆ ประกบกับชิ้นแรก


**วิธีทำผักดอง
ส่วนผสมผักดอง
กะหล่ำปลีหั่นฝอย 2 ถ้วยตวง
แครอทหั่นฝอย 1 ถ้วยตวง
น้ำสำหรับดอง(น้ำส้มสายชู 1 ถ้วยตวง น้ำตาลทราย 1 ถ้วยตวงและเกลือป่น 1 ช้อนชา ผสมกัน)
วิธีทำ
1. เคล้ากะหล่ำปลีกับแครอทพอนิ่มล้างน้ำ ผึ่งให้สะเด็ดน้ำ
2. เทน้ำสำหรับดองใส่ในผัก เคล้าให้ทั่ว หมักไว้ 1 คืน
3. นำขึ้นจากน้ำดอง บีบให้แห้ง สับให้ละเอียด



6.  แซนวิชไส้ปลาทูน่า
ส่วนผสมไส้ปลาทูน่า
- ปลาทูน่ากระป๋องยีละเอียด 1 ถ้วยตวง
- หอมใหญ่สับละเอียด 1/4 ถ้วยตวง
- มายองเนส 1/4 ถ้วยตวง
- ก้านผักชีสับละเอียด 2 ช้อนโต๊ะ
วิธีทำ
ผสมเครื่องปรุงให้เข้ากันทาบนขนมปังชิ้นหนึ่ง
เอาขนมปังอีกชิ้นหนึ่งทาเนยบางๆ ประกบกับชิ้นแรก



 7. แซนด์วิชไส้กรอกหรือแฮม
ส่วนผสมไส้กรอกหรือแฮม
- ไส้กรอกหรือแฮมสไลซ์บางพอควร
- ผักดองสับละเอียด 1 ถ้วยตวง
 - มายองเนส (น้ำสลัด) 1 ถ้วยตวง
 วิธีทำ
ทาน้ำสลัดบนขนมปังชิ้นหนึ่ง โรยผักดองให้ทั่วแผ่น ปิดด้วยขนมปังอีกชิ้นหนึ่งซึ่งทาเนยด้านบน
จากนั้นวางไส้กรอกหรือแฮมข้างบนขนมปัง เอาขนมปังอีกชิ้นหนึ่งทาเนยบางๆ ประกบรวมเป็นขนมปัง 3 แผ่น


8.  แซนด์วิชไส้หมูหยอง
ส่วนผสมไส้หมูหยอง
ผสมหมูหยองกับน้ำสลัด คลุกให้เข้ากัน ใส่วางบนขนมปังที่ทาเนยแล้ววางประกบกัน
วิธีทำแซนด์วิช
1. นำขนมปังมาตัดริมแข็งออก
2. ใส่ไส้ แล้วประกบกัน 2 แผ่น หรือ 3 แผ่นตามต้องการ
จากนั้นตัดครึ่งเป็นชิ้น 3 เหลี่ยมหรือตัดอีกครึ่งเป็นชิ้น 3 เหลี่ยมเล็ก
3. ห่อด้วยกระดาษพลาสติกใส


***เคล็ดลับการเก็บแซนด์วิช ควรเก็บไว้ในตู้เย็น เมื่อจะขาย
ผู้ทำก็สามารถนำออกมาวางจำหน่ายได้เลย ส่วนการหั่นขนมปังนั้น
ผู้ทำควรใช้มีดหั่นทแยงมุม จะได้แซนด์วิชรูปสามเหลี่ยม 2 ชิ้น

ข้อแนะนำ
1.ไส้แซนด์วิชสามารถดัดแปลงได้อีกมาก เช่น ไส้หมูหยองกับน้ำพริกเผา ไส้ตับบด ไส้ไข่ต้มสุก ฯลฯ
2.ควรเลือกใช้ขนมปังที่ใหม่ สด และนิ่ม และหากต้องการความสะดวกก็ใช้ขนมปังชนิดที่ตัดขอบสำเร็จแล้ว
3.ควรขายในเวลาเช้า เพราะบุคคลส่วนใหญ่มักรับประทานเป็นอาหารเช้า


ขอบคุณภาพประกอบจากอินเตอร์เน็ต google

แชร์เก็บไว้เลย !!! แจก 2 สูตรหมูปิ้งนมสดฟรี !! วิธีทำหมูปิ้งนมสดสูตรทำขายไม้ละ 10 บาท กำไรหลักพันต่อวัน




จก 2 สูตรหมูปิ้งนมสดฟรี !! วิธีทำหมูปิ้งนมสดสูตรทำขายไม้ละ 10 บาท กำไรหลักพันต่อวัน อาชีพสร้างรายได้ รวยแบบง่ายๆภาวะเสี่ยงน้อย ต้นทุนต่ำกำไรงามและอีกสูตรสำหรับทำรับประทานเองที่บ้านง่ายๆ ไปดูวิธีทำกันเลยค่ะ

สูตรที่1. หมูปิ้งนมสดสูตรทำขาย
ส่วนประกอบวัตถุดิบในการทำหมูปิ้ง
- เนื้อหมู 5 กิโลกรัม
- สันคอ 5 กิโล กรัม
- มันหมูแข็ง 100 กรัม
- สับปะรดเล็ก 1 ลูก สับหยาบ
- นมสดรสจืด 250 มิลลิลิตร 1 กล่อง
- ผงฟู 1 ช้อนโต้ะปาด
- น้ำตาลปีบ 1 ก้อน
- น้ำปลา 4 ช้อนโต๊ะ
- รากผักชี ต้มน้ำพอสุก (เวลาต้มแนะนำให้น้ำท่วมรากผักชี) สับละเอียด 12 ราก
- กระเทียมไทยสับละเอียดจนเกือบเละ 20 เม็ด
- กระเทียมไทยสับหยาบพอเห็นกระเทียม 5 เม็ด
- พริกไทย 2 ช้อนโต้ะ



วิธีทำหมูปิ้งนมสด
1. ล้างหมูให้สะอาด เพื่อล้างมันและเลือดออกไปเพื่อไม่ให้มีกลิ่นคาว นำกระดาษมาซับหมูให้แห้งเล็กน้อย
2. จากนั้นนำหมูมาหั่นเป็นชิ้นใหญ่ๆ ถ้าชิ้นเล็กไปหมูจะเละเวลาเสียบไม้
3. นำหมูมาหมักกับสับปะรดที่สับหยาบ หมักด้วยการแช่ตู้เย็นไว้ 2-3 ชม.
4. จากนั้นก็มาทำน้ำซอส ด้วยการละลายน้ำตาลและน้ำปลา จนเข้ากันดี ใส่กระเทียมสับละเอียด รากผักชีสับละเอียด (ขั้นตอนนี้เราจะเหลือกระเทียมหยาบ และพริกไทยไว้ใช้ทีหลังด้วย)
5. เมื่อครบเวลาหมักหมู ก็ให้นำสับปะรดออก เทน้ำสับปะรดทิ้งไป เพื่อหยุดกระบวนการทำให้หมูนุ่ม
จากนั้นหั่นหมูเป็นชิ้นไว้ขาย ตามขนาดเท่ากับที่เราเคยซื้อรับประทาน
6. ต่อด้วยการนำมันหมูไปเจียวในกระทะให้แข็งพอสุกนิดหน่อยแค่พอเปลี่ยนสีแล้วนำขึ้นมาพักไว้
7. จากนั้นเทนมใส่ลงไป ทีละน้อย แล้วคนไปด้วย จนนมหมดกล่อง ผงฟูใส่ลงไปแล้วคนให้เข้ากัน ห้ามให้ผงฟูเป็นก้อนเด็ดขาด
8. จากนั้นใส่ซอสที่เราปรุงไว้ คนให้เข้ากัน
9. จากนั้นใส่กระเทียมหยาบ พริกไทย คนให้เข้ากัน
เสร็จแล้วนำไม้มาเสียบเนื้อหมูชิ้นนึง มันแข็งชิ้นนึง แล้วเนื้อหมูอีกชิ้น จากนั้นนำไปแช่ตู้เย็นเอาไว้ รอเวลานำมาย่าง

สำหรับท่านใดที่กำลังมองหาอาชีพอยู่ หรือต้องการลาออกจากงานประจำ แล้วหันมาเป็นนายตัวเอง อาชีพขายหมูปิ้งนมสดก็เป็นอีกหนึ่งอาชีพที่น่าสนใจมากๆ เลย ซึ่งท่านอาจะลองเปิดขายตามชุมชน หรือบริเวณหน้าโรงเรียนตอนเช้าๆ ทำเป็นอาชีพเสริมได้ หลังจากนั้นเวลาที่เหลือก็สามารถหาอะไรทำเพิ่มได้

***เคล็ดลับ ถ้าจะขายเช้าให้หมักหมูทิ้งไว้ตอนเย็น ถ้าจะขายเย็นให้หมักหมูทิ้งไว้ตอนเช้า น้ำมันเจียวที่ได้จากมันหมู เอาไว้ทาหน้าหมูย่างแทนกะทิ มีอีกหนึ่งข้อที่เจ้าของสูตรบอกเอาไว้ว่าการหมัก ไม่ควรหมักนานเกินไปมันจะทำให้หมูจะนุ่มจนเละและไม่อร่อยได้

 ขอบคุณข้อมูลจาก : คุณ “สมาชิกหมายเลข 1871558“ “สมาชิกเว็บไซต์พันทิป
ภาพประกอบจากอินเตอร์เน็ต


สูตรที่ 2. หมูปิ้งนมสด สูตรสำหรับทำทานเองที่บ้าน

ข้าวเหนียวหมูปิ้ง อาหารเช้ายอดฮิตในเวลาเร่งรีบในตอนเช้า แต่กว่าจะเป็นหมูปิ้งที่นุ่มรสชาติอร่อยนั้น ผ่านการหมักของเครื่องปรุงและเครื่องเทศเยอะแยะมากมาย แต่หากอยากลองทำเล่นๆ กินเองที่บ้าน เราจะย่อสูตรลงไปมาให้ง่ายขึ้น แต่ยังคงความอร่อยเหมือนชื้อจากร้าน

ส่วนผสมหมูปิ้งนมสด
- เนื้อหมูสันนอก 500 กรัม
- น้ำตาลปี๊บ 1/3 ถ้วย
- น้ำปลา 2 ช้อนโต๊ะ
- ซอสหอยนางรม 2 ช้อนโต๊ะ
- น้ำตาลทราย 1/2 ช้อนโต๊ะ
- กระเทียมสับ 1/2 ถ้วย
- รากผักชีหั่น 2 ช้อนโต๊ะ
- แป้งข้าวโพด 1 ช้อนโต๊ะ
- นมข้นจืด 1/2 ถ้วย

วิธีทำ
1. เตรียมหั่นเนื้อหมูสันนอก เป็นชิ้นให้พอดีกับไม้เสียบสำหรับปิ้ง
2. ใส่น้ำตาลปี๊บ น้ำปลา ซอสหอยนางรม และน้ำตาล คลุกให้เข้ากัน
3. ใส่กระเทียมสับ รากผักชีสับ แป้งข้าวโพด และนมข้นจืด หมักทิ้งไว้ 3 ชม. ขึ้นไป ระหว่างนี้ก็ไปหุงข้าวเหนียว เตรียมเตาย่างได้เลย
4. เมื่อหมูที่หมักไว้ได้ที่แล้ว นำหมูมาเสียบไม้ หากใครไม่สะดวกใช้เตาถ่าน ให้นำมาปิ้งบนกระทะก็ได้ค่ะ ปิ้งหมูเสร็จแล้วก็จัดใส่จานเสิร์ฟพร้อมกัน
ข้าวเหนียวร้อนๆ


แชร์เก็บไว้เลย !!! แจกฟรี 7 สูตร วิธีทำน้ำเต้าหู้ สูตรทำขาย


7 วิธีทำน้ำเต้าหู้ สูตรทำขายและน้ำเต้าหู้สูตรโฮมเมดหลากรส ทำง่ายเพื่อสุขภาพ


คนรักสุขภาพต้องไม่พลาดสูตรทำน้ำเต้าหู้ หรือนมถั่วเหลืองสูตรโฮมเมดทำง่ายราคาถูก ทำดื่มเองและสามารถทำขายเป็นอาชีพเสริมได้ น้ำเต้าหู้รสชาติเข้มข้นไม่ใสแจ๋ว มือใหม่ก็ทำได้ไม่ยุ่งยาก
          น้ำเต้าหู้ หรือนมถั่วเหลือง อีกหนึ่งเครื่องดื่มที่ดีต่อสุขภาพ อุดมไปด้วยโปรตีน เหมาะสำหรับคนที่ต้องการโปรตีนจากถั่วเหลืองและคนที่แพ้นมวัวแล้วต้องการหานมชนิดอื่นทดแทน แถมน้ำเต้าหู้ยังย่อยง่าย ไม่มีไขมัน กินอิ่มแบบเบา ๆ



1. สูตรน้ำเต้าหู้สำหรับทำขาย
สูตรน้ำเต้าหู้เจ้าดัง "ขายดีต้นทุนน้อย กำไรงาม ใครจะขายน้ำเต้าหู้ต้องลอง ไม่ผิดหวังแน่นอน

ส่วนผสม
ถั่วเหลือง1กิโล
น้ำสะอาด6ขัน(ใช้ขันเบอร์22)
ใบเตยล้างสะอาดและมัดรวม5ใบ
น้ำเชื่อม2ทัพพี
เกลือเล็กน้อย
ผ้าขาวบางสำหรับกรองน้ำนมถั่วเหลือง
วิธีเตรียม
1.ล้างถั่วให้สะอาดแล้วแช่ทิ้งไว้6ชม.ถั่วเหลืองจะพองขึ้นมาอีกเท่าตัว
2.ล้างถั่วที่แช่ไว้หลายๆน้ำจนหมดกลิ่นถั่วนำไปปั่นพร้อมน้ำที่ตวงไว้6ขัน
วิธีปั่น
ใส่ถั่วลงไปในโถปั่นตามด้วยน้ำปั่นจนละเอียดดีเทใส่ผ้าขาวบางแล้วบีบเอาแต่น้ำกากที่ได้อย่าพึ่งทิ้งให้เก็บไว้ปั่นรอบที่สองหมายความว่าในถั่วหนึ่งกิโลและน้ำ6ขันต้องปั่นสองครั้งค่ะพยายามบีบน้ำนมออกให้มากที่สุดและกรองด้วยผ้าขาวบางอีกครั้งก่อนนำไปต้มใส่เกลือเล็กน้อย
วิธีตุ๋น
สูตรนี้ใช้วิธีตุ๋นด้วยการเอากาละมังใส่น้ำเปล่าแล้วตั้งเตาจุดไฟใช่ไฟแรงพอน้ำเริ่มร้อนก็ยกหม้อน้ำเต้าหู้ลงไปวางบนกาละมังอีกทีเขาเรียกว่า"ตุ๋น"ระหว่างที่ตุ๋นหมั่นคนน้ำเต้าหู้และช้อนฟองทิ้งบ่อยๆพอน้ำเต้าหู้เริ่มร้อนหมายถึงเริ่มสุกให้ลดไฟลงและหมั่นคนน้ำเต้าหู้จะเริ่มจับตัวข้นขึ้นกว่าเดิมให้ใส่ใบเตยลงไปเติมน้ำเชื่อมต้มจนสุกข้นเนื้อนวลเนียนได้ที่ปิดไฟ
สูตรนี้เมื่อทำเสร็จจะได้น้ำเต้าหู้17กิโลค่ะเครื่องที่ใส่น้ำเต้าหู้ก็มีสาคูวุ้นถั่วแดงหลวงข้าวบาร์เล่ย์แป๊ะก๋วยเม็ดแมงลัก


ขอบคุณเจ้าของสูตรน้ำเต้าหู้ยายติ๋ว
ภาพจากอินเตอร์เน็ต


    



          
2. น้ำเต้าหู้ถั่วเหลืองอัลมอนด์
 สูตรนี้กลิ่นของถั่วเหลืองไม่แรง เพราะใส่ถั่วลิสงและอัลมอนด์ลงไปเพิ่มความหอมมันอีกด้วย วิธีทำไม่ยากเลย ถ้าดื่มไม่หมดสามารถเทใส่ขวดเก็บไว้แช่ในตู้เย็นได้นาน 3 วันด้วย วันหยุดนี้ลองมาทำเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพแบบนี้เก็บไว้ดื่มกันเถอะ [สูตรจาก RinS CookBook]
ส่วนผสม น้ำเต้าหู้
          • ถั่วเหลือง 16 ออนซ์ (ประมาณ 453 กรัม)
          • ถั่วลิสง 1 ถ้วย
          • อัลมอนด์ 1 ถ้วย
          • น้ำเปล่า
          • น้ำตาลทรายแดง หรือน้ำตาลทรายขาว (สำหรับเพิ่มความหวานตามชอบ)
          หมายเหตุ : อัตราส่วนผสมระหว่างถั่วกับน้ำคือ 1:3
วิธีทำ น้ำเต้าหู้
           1. ล้างถั่วเหลือง ถั่วลิสง และอัลมอนด์ให้สะอาด จากนั้นแช่น้ำให้ท่วมทิ้งไว้อย่างน้อย 8 ชั่วโมงหรือข้ามคืน (ถั่วที่ได้จะพองขึ้นเป็น 3 เท่า)
           2. ใส่ถั่วทั้งหมดที่แช่น้ำแล้ว 3 ถ้วยลงในเครื่องปั่น ตามด้วยน้ำเปล่า 6 ถ้วย (อัตราส่วน 1:3) แล้วปั่นให้เข้ากันประมาณ 1-2 นาทีจนส่วนผสมเนียนละเอียด
           3. นำส่วนผสมที่ปั่นละเอียดแล้วมากรองด้วยผ้าขาวบาง บีบเอาเฉพาะน้ำ ใส่หม้อ เตรียมไว้
           4. นำน้ำเต้าหู้ขึ้นตั้งไฟต้มจนเดือดและมีฟอง (หมั่นคนผสมเรื่อย ๆ เพื่อไม่ให้ส่วนผสมไหม้)
           5. ตักน้ำเต้าหู้ที่ได้ใส่แก้ว เติมน้ำตาลทรายแดงลงไปตามชอบ คนผสมให้เข้ากัน พร้อมเสิร์ฟ




3. น้ำเต้าหู้งาดำ
          น้ำเต้าหู้งาดำเมนูเครื่องดื่มสุขภาพที่ได้ประโยชน์มากขึ้นกว่าเดิม หิวเมื่อไรก็สามารถทำดื่มเองได้เลยค่ะ ช่วยให้อิ่มท้องและได้ประโยชน์จากทั้งน้ำเต้าหู้และงาดำหอม ๆ ใครชอบความหวานมากหรือน้อยก็สามารถเลือกได้ตามใจชอบ แช่เย็นสักหน่อยก่อนนำมาดื่มก็อร่อยไม่เบา
ส่วนผสม น้ำเต้าหู้งาดำ
          • ถั่วเหลืองซีก 500 กรัม
          • งาดำ 1-2 ช้อนโต๊ะ (ตามความชอบ)
          • น้ำอุ่น
          • น้ำตาลทราย (สำหรับเพิ่มความหวานตามชอบ)
วิธีทำน้ำเต้าหู้งาดำ
           1. ล้างถั่วเหลืองให้สะอาด เลือกเม็ดที่เสียทิ้ง ตักขึ้นสะเด็ดน้ำ จากนั้นนำไปคั่วในกระทะจนแห้งและมีกลิ่นหอม แล้วนำไปแช่ในน้ำสะอาดทิ้งไว้อย่างน้อย 3 ชั่วโมง หรือข้ามคืนจนถั่วเหลืองนิ่ม
           2. ล้างงาดำให้สะอาด ตักขึ้นสะเด็ดน้ำแล้วนำไปคั่วจนมีกลิ่นหอม เตรียมไว้
           3. ใส่ถั่วเหลืองที่แช่น้ำจนนิ่มแล้วลงในเครื่องปั่น ตามด้วยงาดำคั่ว เติมน้ำอุ่นลงไปกะพอให้ท่วมส่วนผสม จากนั้นปั่นจนละเอียด ยกลงกรองด้วยผ้าขาวบาง คั้นเอาเฉพาะน้ำ
           4. เทน้ำเต้าหู้งาดำลงในหม้อ นำขึ้นตั้งไฟต้มจนเดือด หมั่นคนสม่ำเสมอเพื่อไม่ให้ก้นหม้อไหม้ พอเดือดแล้วเติมน้ำตาลทรายลงไป ชิมรสตามชอบ คนผสมให้เดือดอีกครั้ง ยกลงจากเตา ตักใส่แก้ว พร้อมเสิร์ฟ








4.  น้ำเต้าหู้แครอท
          น้ำเต้าหู้แครอทถ้วยนี้มีสีสันชวนดื่มมากกว่าเดิมจากสีส้มนวล ๆ ของน้ำแครอท และสรรพคุณของแครอทที่เปี่ยมไปด้วยเบต้าแคโรทีนและสารต้านอนุมูลอิสระมากมาย สูตรนี้หอมกลิ่นใบเตยด้วยนะคะ ทำครั้งเดียวเทใส่ขวดเก็บเข้าตู้เย็นไว้ดื่มได้หลายวันเลยค่ะ
สิ่งที่ต้องเตรียม
          • ถั่วเหลืองซีก 500 กรัม
          • น้ำเปล่า
          • น้ำแครอทคั้นเข้มข้น 1 ถ้วย
          • ใบเตยมัดเป็นปม
          • น้ำตาลทราย 1 ถ้วย (สำหรับเพิ่มความหวานตามชอบ)
          • เกลือป่น 1/4 ช้อนชา
วิธีทำ
           1. ล้างถั่วเหลืองให้สะอาด แช่น้ำทิ้งไว้อย่างน้อย 3 ชั่วโมง หรือ 1 คืน ตักขึ้นสะเด็ดน้ำ เตรียมไว้
           2. ใส่ถั่วเหลืองลงในเครื่องปั่น ตามด้วยน้ำเปล่ากะให้พอท่วมถั่วเหลืองแล้วปั่นจนละเอียด กรองด้วยผ้าขาวบาง คั้นเอาเฉพาะน้ำ เตรียมไว้
           3. ใส่น้ำเต้าหู้ที่ได้ผสมกับน้ำแครอทคนผสมให้เข้ากัน จากนั้นเทใส่หม้อ นำขึ้นตั้งไฟปานกลาง ใส่ใบเตยลงไป ต้มจนเดือด หมั่นคนสม่ำเสมอเพื่อไม่ให้ก้นหม้อไหม้
           4. พอน้ำเต้าหู้เดือดลดไฟลงให้เหลือไฟอ่อน ตักใบเตยออก ใส่น้ำตาลทรายและเกลือป่น คนผสมจนน้ำตาลทรายละลาย ชิมรสตามชอบ พร้อมเสิร์ฟ




5. น้ำเต้าหู้ใบเตย
          สำหรับใครที่ไม่ชอบกลิ่นของถั่วเหลืองมากนัก ขอแนะนำน้ำเต้าหู้ใบเตยแก้วนี้ เพราะมีกลิ่นหอมของใบเตยที่จะมาช่วยกลบกลิ่นถั่วเหลืองลงไป ทำง่าย ๆ เหมือนวิธีทำน้ำเต้าหู้สูตรพื้นฐาน เพียงแต่เพิ่มใบเตยลงไปเท่านั้น ถ้าหากใครอยากได้ธัญพืชเคี้ยวกรุบ ๆ ก็ใส่ลูกเดือย ข้าวบาร์เลย์ และงาดำคั่วลงไปอีกได้นะคะ
ส่วนผสม น้ำเต้าหู้ใบเตย
          • ถั่วเหลืองซีก 500 กรัม
          • น้ำเปล่า
          • เกลือป่น เล็กน้อย
          • ใบเตยหั่นเป็นชิ้นเล็ก 10-15 ใบ
          • น้ำตาลทราย (สำหรับเพิ่มความหวานตามชอบ)
วิธีทำ
           1.  ล้างถั่วเหลืองให้สะอาด แช่น้ำทิ้งไว้ประมาณ 3 ชั่วโมง หรือ 1 คืน ตักขึ้นสะเด็ดน้ำ เตรียมไว้
           2. ใส่ถั่วเหลืองลงในเครื่องปั่น ตามด้วยใบเตย และน้ำเปล่ากะพอให้ท่วมส่วนผสม ปั่นให้เข้ากันจนละเอียด จากนั้นนำไปกรองด้วยผ้าขาวบาง คั้นเอาเฉพาะน้ำ เตรียมไว้
           3. เทน้ำเต้าหู้ใส่หม้อ นำขึ้นตั้งไฟปานกลาง ใส่เกลือลงไปเล็กน้อย หมั่นคนสม่ำเสมอเพื่อไม่ให้ก้นหม้อไหม้
           4. พอน้ำเต้าหู้เดือดแล้วลดเป็นไฟอ่อน ต้มต่อไปอีกประมาณ 10 นาที จากนั้นใส่น้ำตาลทรายลงไปปริมาณตามชอบ พร้อมเสิร์ฟ





6. น้ำเต้าหู้ชาเขียว
           สำหรับใครที่ชื่นชอบรสชาติขมของชาเขียว ลองจับมาใส่ในน้ำเต้าหู้ดูสิ กลายเป็นน้ำเต้าหู้ชาเขียว แม้หน้าตาน้ำเต้าหู้จะสีเขียวแต่ไม่ขม เวลาดื่มจะได้กลิ่นของนมถั่วเหลืองและชาเขียวผสมผสานกัน รสชาติเข้ากันดีไม่เบาเลยล่ะ
ส่วนผสม
          • น้ำเต้าหู้สูตรพื้นฐาน 1 ถ้วย
          • ผงชาเขียวมัทฉะ 1 ช้อนชา
          • น้ำร้อน 2 ช้อนโต๊ะ
          • น้ำตาลทรายแดง  (สำหรับเพิ่มความหวานตามชอบ)
วิธีทำ
           1. นำนมถั่วเหลืองไปอุ่นแค่พอร้อน (ไม่ต้องเดือด) ตักใส่แก้ว เตรียมไว้
           2. ใส่ผงชาเขียวมัทฉะลงไปในน้ำร้อนแล้วคนผสมจนละลายเข้ากัน
           3. ใส่ส่วนผสมชาเขียวที่ละลายแล้วลงไปในแก้วนมถั่วเหลือง เติมน้ำตาลทรายแดงในปริมาณที่ชอบ คนให้เข้ากัน พร้อมเสิร์ฟ



7. น้ำเต้าหู้ผสมมะนาว
          น้ำเต้าหู้ผสมมะนาว สูตรนี้คิดค้นขึ้นโดย นพ.สมเกียรติ อธิคมกุลชัย จักษุแพทย์ ผู้ใช้ยาร่วมกับการรักษาโดยแพทย์ทางเลือก โรงพยาบาลเอกชัย จังหวัดสมุทรสาคร [คลิกอ่าน น้ำเต้าหู้ผสมมะนาว สูตรเด็ดคูณสอง ที่เขาว่าเป็นยาอายุวัฒนะ] ที่แนะนำให้คนไข้ดื่มน้ำนมถั่วเหลืองผสมกับน้ำมะนาวเป็นประจำ เพื่อสร้างเสริมการทำงานของสมอง สายตา และยังช่วยบำรุงร่างกายให้แข็งแรงขึ้น เขาว่ากันว่าเป็นยาอายุวัฒนะ ใครรักสุขภาพต้องลอง
ส่วนผสม น้ำเต้าหู้มะนาว
          • น้ำเต้าหู้ (ไม่ใส่น้ำตาล) 150-200 ซี.ซี.
          • มะนาว 1 ผล
วิธีทำน้ำเต้าหู้มะนาว
          1. นำมะนาว 1 ผล ไปแช่เย็นแล้วนำมาคั้นเป็นน้ำ
          2. ผสมน้ำมะนาวลงไปในน้ำนมถั่วเหลือง คนให้เข้ากัน (จะมีลักษณะข้นคล้ายโยเกิร์ต รสชาติเปรี้ยว ๆ หวาน ๆ) พร้อมเสิร์ฟ

      



สูตรจาก kapook
ภาพจาก google

แชร์เก็บไว้เลย !!! แจก 12 สูตรหมูทอดรสเด็ด สร้างอาชีพ กำไรหลักพัน!!!


แจก 12 สูตรหมูทอดรสเด็ด เมนูโปรดของหลายๆคน ทั้งยังสามารถนำไปทำขายเป็นอาชีพเสริมได้อีกด้วย เรามาดูสูตรหมูทอดทั้ง  12 สูตรกันเลย

1. หมูทอดน้ำปลา
::ส่วนผสมและเครื่องปรุง::
เนื้อสันคอหมู 300 กรัม
น้ำปลาดี 1 ชต.
ผงปรุงรสหมู 1 ชช.
น้ำตาลทราย 1 ชช.
พริกไทยป่น 1/2 ชช.
กระเทียมป่น 1 ชช.
แป้งทอดกรอบ 2 ชต.
น้ำเย็นจัด 2 ชต.
น้ำมันสำหรับทอด

::วิธีทำ::
1. เนื้อสันคอหมูหั่นเป็นชิ้นพอคำ หมักด้วยน้ำปลา ผงปรุงรสหมู น้ำตาลทราย พริกไทยป่น ผงกระเทียมป่น คลุกเคล้าให้เข้ากัน นำไปพักในตู้เย็นประมาณ 1  ชม.
2. ก่อนทอดนำหมูมาคลุกกับแป้งทอดกรอบและน้ำเย็นจัด นวดให้เข้ากัน นำไปทอดในน้ำมันร้อนจัดโดยใช้ไฟกลาง คอยใช้ตะหลิวคนไม่ให้หมูติดกัน ทอดจนหมูสุกเหลือง จากนั้นตักขึ้นพักให้สะเด็ดน้ำมันก่อนใส่จานเสิร์ฟ




2. หมูทอดเจียงฮาย
::ส่วนผสมเครื่องปรุง::
หมูสันคอหรือหมูสามชั้น  300 กรัม
พริกไทยป่น  1/2  ช้อนชา
ลูกผักชี   1  ช้อนชา
กระเทียมไทย 3-4 หัว
น้ำปลา  1  ช้อนชา
ผงปรุงรส   1 ช้อนชา
รากผักชี 2 ราก
แป้งชุบทอด  1-2 ช้อนโต๊ะ

วิธีทำ
1. หมูสันคอหรือหมูสามชั้นหั่นเป็นชิ้นขนาดพอดีคำเตรียมไว้
2. โขลกลูกผักชี กระเทียม รากผักชี จากนั้นนำมาหมักกับหมูที่หั่นไว้ ใส่พริกไทยป่น ปรุงรสด้วยน้ำปลาและผงปรุงรส นวดให้เข้ากัน นำไปพักไว้ในตู้เย็นประมาณ 1 ชั่วโมง
3. เตรียมทอด นำแป้งทอดกรอบมาคลุกกับหมูที่หมักไว้ จากนั้นนำไปทอดในน้ำมันด้วยไฟกลาง จนหมูสุก ตักขึ้นพักในตะแกรงสะเด็ดน้ำมัน จัดเสิร์มพร้อมข้าวเหนียวและน้ำพริกตามชอบ



3. หมูสามชั้นทอดน้ำปลา
:: ส่วนผสมและเครื่องปรุง::
หมูสามชั้น 300 กรัม
น้ำปลา 1 ชต.
ซีอิ๊วขาว 1/2 ชต.
น้ำตาล 1 ชช.
แป้งทอดกรอบ 1 ชต.
น้ำมันสำหรับทอด

::วิธีทำ::
1. หมูสามชั้นหั่นเป็นเส้น หมักด้วยน้ำปลา ซีอิ๊วขาวน้ำตาลทราย คลุกเคล้าให้เข้ากัน นำไปพักในตู้เย็นประมาณ 1  ชม.
2. ก่อนทอดนำหมูมาคลุกกับแป้งทอดกรอบและน้ำเย็นจัด นวดให้เข้ากัน นำไปทอดในน้ำมันร้อนจัดโดยใช้ไฟกลาง ทอดจนหมูสุกเหลือง จากนั้นตักขึ้นพักให้สะเด็ดน้ำมัน หั่นหมูเป็นชิ้นพอคำก่อนใส่จานเสิร์ฟ




4. หมูสวรรค์
::ส่วนผสมและเครื่องปรุง::
เนื้อหมูสันใน     1 กก.                                                   
น้ำตาลทราย         200 กรัม
ซีอิ้วขาว                70 กรัม
เกลือป่น                 5 กรัม
เม็ดผักชีบุบ            5 กรัม
งาขาว                     10 กรัม
วิธีทำ
1. นำเนื้อหมูมาหั่นเป็นเส้นๆ หรือหั่นบางๆ เสร็จแล้วเอาไปแช่ไว้ในตู้เย็นประมาณ 2 ชม.
2. เตรียมเครื่องหมัก ตั้งกระทะ ใส่น้ำตาลทราย, ซีอิ้วขาว ลงไป คนไห้ละลาย ยกลงจากเตา ปล่อยไห้เย็น เติมเกลือ,ลูกผักชีบุบ,งาขาว คนไห้เข้ากัน
3. นำเนื้อหมูที่แช่ตู้เย็นไว้มาหมักกับเครื่องหมัก หมักไว้ 2-4 ชม. หรือข้ามคืนก็ได้ จากนั้นนำไปตากแดดให้แห้ง
4. นำไปทอดไฟอ่อนๆ พอเหลือง ตักขึ้น ซับน้ำมัน พร้อมเสิร์ฟ


5. หมูสามชั้นทอดงา
::ส่วนผสมและเครื่องปรุง::
เนื้อหมูสามชั้น หั่นชิ้นกลางๆ       4 ขีด
งาขาว                 1 ชต.
รากผักชี               1 ชต.
กระเทียม             1 ชต.
พริกไทย              1 ชช.
ผงปรุงรส             1 ชช.
ซีอิ้วขาว                2 ชต.
วิธีทำ
1. โขลกรากผักชี, กระเทียม, พริกไทย ให้ละเอียด นำหมูสามชั้นมาคลุกเคล้า ตามด้วยซอสปรุงรส, งา หมักทิ้งไว้ 1 ชม.
2. ก่อนทอด นำแป้งทอดกรอบลงไปคลุกเคล้าไห้เข้ากันอีกที
3. ตั้งกระทะใส่น้ำมันลงไปจนเดือด ใส่หมูลงไปทอด พอเหลืองๆ นำขึ้นมาพักไว้สะเด็ดน้ำมัน ก่อนเสิร์ฟ


6. กระดูกหมูทอดกระเทียมพริกไทย
:: ส่วนผสมและเครื่องปรุง::
ซี่โครงหมู     1/2 กก.          
ผงปรุงรส           1 ชต.
น้ำตาลทราย        1/2 ชต.
ซีอิ้วขาว               2 ชต.
กระเทียมสับ        2 ชต.
น้ำปลา                 1 ชต.
รากผักชี              1 ชต.
พริกไทยป่น        1 ชช.
 น้ำมันหอย          1 ชต.

วิธีทำ
1. นำส่วนผสม ซี่โครงหมู, รากผักชี, พริกไทยป่น, กระเทียมสับ, น้ำปลา, ผงปรุงรส, น้ำตาล, น้ำมันหอย, ซีอิ้วขาว มาคลุกเคล้าให้เข้ากัน จากนั้นทิ้งไว้ไห้ส่วนผสมเข้ากัน 2 ชม.
2.จากนั้น นำมาทอด ตั้งกระทะให้ร้อน นำลงไปทอดจนสุกเหลือง ตักขึ้นพักสะเด็ดน้ำมันให้แห้ง พร้อมเสิร์ฟ


 7. หมูแดดเดียว
:: ส่วนผสมและเครื่องปรุง::
สันคอหมู  1/2 กก.                                              
น้ำมันหอย                3 ชต.
น้ำตาลทราย             2 ครึ่ง ชต.
งาขาว                       2 ชต.
กระเทียมสับ             3 ชต.
พริกไทยป่น              2 ชต.
ผงปรุงรส                 1 ชช.
ซีอิ้วขาว                   4 ชต.
วิธีทำ
1. นำส่วนผสม น้ำมันหอย, น้ำตาลทราย, งา, กระเทียมสับ, พริกไทยป่น, ผงปรุงรส, น้ำตาล, ซีอิ้วขาว มาหมักทิ้งไว้ไห้เข้ากัน 1 คืน
2. จากนั้นนำออกมาตากแดดให้แห้ง หรือ อบด้วยไฟ 80 °C  ประมาณ 4 ชม. ก็ สามารถนำมาทอดพร้อมเสิร์ฟ ทานกับซอสพริก อร่อยเข้ากัน



8. หมูทอด
:: ส่วนผสมและเครื่องปรุง::
หมูสันนอก                     50 กรัม                                             
กระเทียมสับ             30 กรัม
พริกไทยดำตำ           1/2 ชต.
น้ำมันหอย                 1/2 ชต.
ซอสถั่วเหลือง            1/2 ชต.
น้ำตาลทราย              1 ชต.
แป้งทอดกรอบ          2 ชต.
 งาขาว                       1/2 ชต.
วิธีทำ
นำหมูสันนอกมาแล่เป็นแผ่นบางๆ พักไว้ จากนั้น นำกระเทียม, พริกไทย, แป้งทอดกรอบ, งาขาว, ซอสถั่วเหลือง, น้ำตาลทราย, น้ำมันหอย มาหมักรวมกันพักไว้ 2 ชม. หรือมักข้ามวันก็ได้ เสร็จแล้วนำมาทอดในน้ำมันร้อนจัด รอไห้หมูสุกเป็นสีเหลือง ตักขึ้นสะเด็ดน้ำมัน จัดใส่จานพร้อมเสิร์ฟ



9. หมูปั้นทอด
หมูสับ                  300 กรัม
ซีอิ้วขาว                   2 ชต.
แป้งทอดกรอบ         1 ครึ่ง ชต.
น้ำมันหอย                 1 ชต.
น้ำตาลทราย               1/2 ชต.
พริกไทยป่น               1 ชช.
กระเทียมสับ              2 ชต.
น้ำปลา                       1 ชต.
รากผักชี                     1 ชช.
วิธีทำ
1 .นำหมูมาหมักกับรากผักชี, กระเทียม, น้ำปลา, น้ำตาลทราย, น้ำมันหอย, ซีอิ้วขาว คลุกเคล้าไห้เข้ากัน
 ใส่พริกไทยป่น ใส่แป้งทอดกรอบ หมักไห้เข้ากัน 30 นาที
2. จากนั้นนำมาปั้นเป็นก้อนๆ ตั้งไฟไห้น้ำมันร้อน นำหมูปั้นลงไปทอดพอเหลืองๆ ตักขี้นสะเด็ดน้ำมันพร้อมเสิร์ฟ



10. หมูเส้นหรือหมูฝอย
::ส่วนผสมและเครื่องปรุง::
หมูส่วนสะโพก         2  กก.                                              
น้ำตาลทราย              4 ขีด
น้ำปลา                       2 ชต.
ผงปรุงรส                   1 ชอง
แป้งทอดกรอบ          1 ครึ่ง ชต.
วิธีทำ
1. นำหมูมาล้างให้สะอาด จากนั้นนำไปต้มให้สุก เสร็จแล้วฉีกเป็นเส้นๆ แล้วนำมาหมักด้วย น้ำตาลทราย, น้ำปลา, ผงปรุงรส หมักทิ้งไว้ 2 ชม.
2. ก่อนทอด เติมแป้งทอดกรอบ คลุกเคล้าไห้เข้ากันอีกที นำไปทอด
3. ตั้งกระทะใส่น้ำมันให้ท่วม ใช้ไฟแรง นำหมูลงไปทอดพอเหลืองๆ ยกขึ้น นำมาเขี่ยไห้หมูแยกออกจากกัน อย่าให้เกาะเป็นก้อนๆ เสร็จทานพร้อมข้าวเหนียวร้อนๆ


11. หมูเส้นหอมทอด
::ส่วนผสมและเครื่องปรุง::
หมูส่วนสะโพก2กก.                                                   
น้ำปลา                     2 ชต.
น้ำตาลทราย             400  กรัม
ผงปรุงรส                 1 ชอง
หอมแดง                   1 กก.
วิธีทำ
1. นำหมูมาต้มสุก ฉีกให้เป็นเส้นๆ จากนั้นหมักหมูกับ น้ำปลา, น้ำตาลทราย, ผงปรุงรส ทิ้งไว้ 2 ชม.
2. ตั้งกระทะใส่น้ำมันให้ร้อนใช้ไฟแรง นำหมูที่หมักไว้ลงไปทอด ตามด้วยหอมแดง คนให้ทั่ว ประมาณ 45 นาที (ต้องคอยคนตลอดเวลา) ยกออกพักให้น้ำมันสะเด็ด จากนั้นยีหมูให้ฟู พร้อมเสิร์ฟ


12. หมูหวาน
::ส่วนผสมและเครื่องปรุง::
หมูสามชั้น       400 กรัม                                                  
ซีอิ้วขาว                 2 ชต.
ซีอิ้วดำ                   1 ชช.
ซอสปรุงรส           1 ชช.
น้ำตาลปีป             4 ชต.
หอมแดง               4-5 หัว
น้ำเปล่า                 1/2 ถ้วย
วิธีทำ
1. นำหมูมาล้างให้สะอาด หั่นเป็นชิ้นพอคำ จากนั้นนำหอมแดงนำมาปอก ซอยบางๆ
2. ตั้งไฟปานกลาง นำน้ำเปล่าใส่หม้อ ต้มไห้เดือด ใส่เนื้อหมูลงไป เมื่อเนื้อหมูเริ่มสุก ใส่ซีอิ้วดำ ซีอิ้วขาว และซอสปรุงรสลงไป
3. เคี่ยวหมูประมาณครึ่งชั่วโมง โดยใช้ไฟอ่อน จนหมูนุ่ม เมื่อหมูนุ่มแล้ว ใส่น้ำตาลปี๊ปลงไป คนไห้น้ำตาลละลาย และเคี่ยวต่อไปอีก 15 นาที ใส่หอมแดงลงไป คนไห้เข้ากัน ปิดเตา พร้อมเสิร์ฟ




แชร์เก็บไว้เลย !!! แจกสูตร ซาลาเปา 10 แบบ สูตรทำขาย สร้างอาชีพ




สูตรซาลาเปา 10 แบบ สูตรทำขาย สร้างอาชีพ
        
  ซาลาเปา อาหารว่าง เมนูโปรดของใครหลายๆคน วันนี้เราได้รวบรวมสูตรซาลาเปายอดฮิต 10ไส้ สำหรับคนที่อยากลองทำทานเอง หรือสามารถนำไปทำขายเป็นอาชีพได้ด้วย ไปดูวิธีทำซาลาเปาทั้ง 10 ไส้กันเลยจ้า

แป้งซาลาเปา
      ใครที่ชอบกินซาลาเปาเนื้อนุ่มฟูหน้าเนียนขอแนะนำแป้งซาลาเปายีสต์สูตรนี้ ซึ่งการทำแป้งไม่ยาก เพียงแต่ต้องระวังช่วงเวลาหมักแป้งและพักแป้งเพื่อให้ยีสต์ทำหน้าที่อย่างเต็มที่ เวลาอบซาลาเปาเสร็จแล้วเนื้อจะเบาฟูนุ่มละมุนลิ้น เรามาดูส่วนผสมแป้งซาลาเปากันเลย

ส่วนผสม แป้งเชื้อ
      ◆ แป้งเค้ก 350 กรัม
      ◆ ยีสต์ 1 ช้อนโต๊ะ
      ◆ น้ำเปล่า 240 กรัม
ส่วนผสมแป้งโด
      ◆ แป้งเค้ก 180 กรัม
      ◆ ผงฟู 1 1/2 ช้อนชา
      ◆ แป้งเชื้อที่ผสมไว้
      ◆ น้ำตาลทราย 125 กรัม
      ◆ เกลือป่น 1/2 ช้อนชา
      ◆ น้ำเปล่า 4 ช้อนชา
      ◆ เนยขาว 40 กรัม
วิธีทำแป้งเชื้อ
          1. ร่อนแป้งเค้ก 2 รอบแล้วใส่ลงในอ่างผสม ใส่ยีสต์ตามลงไปคนให้ผสมเข้ากัน
          2. ทำหลุมแป้งตรงกลางแล้วค่อย ๆ เทน้ำเปล่าลงไป ใช้หัวตีรูปตะขอนวดแป้งจนส่วนผสมเริ่มเป็นก้อน
          3. นำส่วนผสมแป้งใส่ภาชนะแล้วคลุมด้วยพลาสติกถนอมอาหารหรือผ้าขาวบาง พักแป้งไว้ประมาณ 30-40 นาทีจนแป้งขึ้นฟูเป็นสองเท่า

วิธีทำแป้งโด
          1. ร่อนแป้งเค้กกับผงฟูเข้าด้วยกัน 2 รอบ เตรียมไว้
          2. ใส่แป้งเชื้อที่ขึ้นฟูแล้วลงในเครื่องตีแป้ง ตามด้วยน้ำตาลทราย เกลือป่น และน้ำเปล่า ตีด้วยหัวตีรูปตะขอใช้ความเร็วปานกลางนวดแป้งพอเข้ากัน
          3. ค่อย ๆ ใส่ส่วนผสมแป้งที่ร่อนไว้ลงไป ตีจนพอจับตัวเป็นก้อน
          4. ใส่เนยขาวลงไปนวดจนแป้งมีเนื้อเนียนและนุ่ม
          5. นำก้อนแป้งออกมาคลึงเป็นก้อนกลม ใส่ภาชนะแล้วใช้พลาสติกถนอมอาหารคลุมแป้งพักไว้ประมาณ 5-10 นาที
          6. แบ่งแป้งออกเป็นก้อนขนาดตามต้องการ จากนั้นคลึงเป็นก้อนกลม ๆ แล้วคลุมด้วยพลาสติกถนอมอาหารทิ้งไว้อีกประมาณ 10 นาที หรือจนส่วนผสมฟูขึ้นเป็นสองเท่าแล้วจึงนำไปห่อไส้ที่ต้องการ


1.  ซาลาเปาไส้หมูแดง
ส่วนผสม ซาลาเปาไส้หมูแดง
      ◆ แป้งซาลาเปา (จากสูตรด้านบน)
      ◆ รากผักชี 3 ราก
      ◆ พริกไทยเม็ด 1 ช้อนชา
      ◆ เนื้อหมูหั่นเป็นชิ้นบาง ๆ 500 กรัม
      ◆ น้ำตาลทราย 5 ช้อนโต๊ะ
      ◆ ซอสมะเขือเทศ 1/2 ถ้วยตวง
      ◆ ซีอิ๊วขาว 2 ช้อนโต๊ะ
      ◆ ซีอิ๊วดำหวาน 1 ช้อนชา
      ◆ ผงทำหมูแดง 1+1/2 ช้อนโต๊ะ
      ◆ น้ำเปล่า 1 ถ้วยตวง
      ◆ หอมใหญ่หั่นเต๋า 1 หัว
      ◆ แป้งข้าวโพด 1 ช้อนโต๊ะ (ละลายน้ำเปล่าเล็กน้อย)
      ◆ พลาสติกถนอมอาหาร (สำหรับคลุมแป้ง)
      ◆ กระดาษรองสำหรับซาลาเปา

วิธีทำซาลาเปาไส้หมูแดง
          1. เตรียมส่วนผสมแป้งให้พร้อม
          2. โขลกรากผักชีและพริกไทยให้ละเอียด เตรียมไว้
          3. ผสมน้ำตาลทราย ซอสมะเขือเทศ ซีอิ๊วขาว ซีอิ๊วดำหวาน ผงหมูแดง เกลือป่น และกระเทียมกับพริกไทยที่โขลกไว้เข้าด้วยกัน ใส่เนื้อสะโพกหมูลงไปเคล้าผสมให้เข้ากัน หมักไว้ประมาณ 1-2 ชั่วโมง
          4. นำหมูที่หมักไว้ใส่ลงในหม้อ ตามด้วยน้ำเปล่าแล้วนำไปต้มจนเนื้อหมูสุกและเก็บน้ำหมูแดงเอาไว้ จากนั้นหั่นเนื้อหมูเป็นชิ้นเต๋าเล็ก ๆ
          5. นำเนื้อหมูลงไปผัดพร้อมจากนั้นใส่หอมใหญ่ลงผัดพอสุก ใส่แป้งข้าวโพดที่ละลายน้ำลงไปผัดจนส่วนผสมแห้ง
          6. แผ่แป้งซาลาเปาที่ขึ้นฟูแล้วออกเป็นแผ่นบาง ตักส่วนผสมไส้หมูแดงลงไป ห่อให้สวยงาม วางลงบนกระดาษรองซาลาเปา คลุมด้วยพลาสติกถนอมอาหาร พักไว้จนขึ้นฟูเป็นสองเท่า
          7. นำซาลาเปาไปนึ่งบนน้ำเดือดโดยใช้ไฟปานกลางประมาณ 8-10 นาทีจนสุกยกลง นำออกจากที่นึ่งจัดเสิร์ฟ





2. ซาลาเปาไส้หมูสับ
ส่วนผสม ซาลาเปาไส้หมูสับ
      ◆ แป้งซาลาเปา (จากสูตรด้านบน)
      ◆ รากผักชี 1 ช้อนโต๊ะ
      ◆ กระเทียมสับ 1 ช้อนโต๊ะ
      ◆ พริกไทยป่น 2 ช้อนชา
      ◆ เนื้อหมูบด (หรือเนื้อไก่บด) 500  กรัม
      ◆ แป้งข้าวโพด 3 ช้อนโต๊ะ
      ◆ หอมใหญ่สับ 150 กรัม
      ◆ ซอสหอยนางรม 1 ช้อนโต๊ะ
      ◆ ซอสปรุงรส 2 ช้อนโต๊ะ
      ◆ น้ำตาลทราย 2 ช้อนชา
      ◆ น้ำมันงา 1 ช้อนโต๊ะ
      ◆ กระดาษสำหรับรองซาลาเปา

วิธีทำไส้หมูสับ
          1. เตรียมส่วนผสมแป้งให้พร้อม
          2. โขลกรากผักชี กระเทียมสับ และพริกไทยป่นให้ละเอียด ใส่หมูสับและแป้งข้าวโพดลงไปแล้วนวดจนเหนียวเป็นเนื้อเดียวกัน
          3. ปรุงรสด้วยซอสหอยนางรม ซอสปรุงรส น้ำตาลทราย และน้ำมันงา คนผสมจนเข้ากันดี เตรียมไว้
          4. แผ่แป้งซาลาเปาที่พักไว้จนขึ้นฟูแล้วให้เป็นแผ่นบาง วางไส้หมูสับแล้วห่อให้สวยงาม วางบนกระดาษ พักแป้งให้ขึ้นฟูสักครู่
          5. วางเรียงซาลาเปาที่ขึ้นฟูแล้วลงในชุดนึ่งแล้วนำไปนึ่งโดยใช้ไฟแรงนานประมาณ 8-10 นาที นำออกจากเตา พร้อมเสิร์ฟ
          





3. ซาลาเปาไส้ครีมลาวา
          
ส่วนผสม ไส้ครีมลาวา
      ◆ ไข่เค็มต้มสุก (เฉพาะไข่แดง) 5 ฟอง
      ◆ นมผง 7 ช้อนโต๊ะ
      ◆ น้ำตาลทราย 1 ช้อนโต๊ะ
      ◆ ผงคัสตาร์ดสำเร็จรูป 6 ช้อนโต๊ะ
      ◆ แป้งข้าวโพด 1 ช้อนโต๊ะ
      ◆ นมสด 1/4 ถ้วยตวง
      ◆ นมข้นหวาน 2 ช้อนโต๊ะ
      ◆ เนยสดชนิดจืดละลาย 120 กรัม
ส่วนผสม แป้งเชื้อ
      ◆ แป้งสาลีอเนกประสงค์ 250 กรัม
      ◆ แป้งเค้ก 100 กรัม
      ◆ ยีสต์ 2+1/4 ช้อนชา
      ◆ น้ำเปล่า 245 มิลลิลิตร
ส่วนผสม แป้งโด
      ◆ แป้งสาลีอเนกประสงค์ 150 กรัม
      ◆ ผงฟู 2 ช้อนชา
      ◆ น้ำตาลทราย 100 กรัม
      ◆ เกลือป่นละเอียด 3/4 ช้อนชา
      ◆ สารเสริม SP 1+1/2 ช้อนชา (สารเสริมสำหรับทำให้ขนมปังขึ้นฟู)
      ◆ น้ำเปล่า 1 ช้อนโต๊ะ
      ◆ เนยขาว 55 กรัม
      ◆ แป้งเชื้อ
      ◆ พลาสติกถนอมอาหาร (สำหรับคลุมแป้ง)
      ◆ กระดาษรองซาลาเปา
วิธีทำไส้ครีมลาวา
          1. นำส่วนผสมทั้งหมดใส่เครื่องปั่นน้ำผลไม้ ปั่นจนส่วนผสมเนียนละเอียด
          2. เทส่วนผสมที่ได้ลงอ่างผสม นำเข้าแช่เย็นพอเซตตัว ใช้ที่ตักไอศกรีมตักเป็นลูก ๆ หรือปั้นเป็นก้อนกลมวางเรียงใส่ถาด นำเข้าแช่ตู้เย็นจนเซตตัวอีกครั้งก่อนนำไปใช้
วิธีทำแป้งเชื้อ
          1. ร่อนแป้งสาลีและแป้งเค้กรวมกัน ใส่ลงอ่างผสม ใส่ยีสต์ลงไป คนพอเข้ากัน จากนั้นทำแป้งให้เป็นบ่อตรงกลาง
          2. เติมน้ำเปล่าลงในแป้ง นวดจนแป้งจับตัวเป็นก้อน ใช้ฝาปิดให้สนิท พักแป้งไว้ประมาณ 30-40 นาที หรือจนส่วนผสมขึ้นฟูเป็นสองเท่า
วิธีทำแป้งโด
          1. ร่อนแป้งสาลีกับผงฟูรวมกันใส่อ่างผสม เตรียมไว้
          2. ผสมสารเสริม SP กับน้ำเปล่า คนพอเข้ากัน พักไว้
          3. ใส่แป้งเชื้อลงในเครื่องผสม เติมน้ำตาลทรายและเกลือป่น ใช้หัวตีรูปตะขอนวดด้วยความเร็วปานกลาง พอเข้ากันลดความเร็วเหลือต่ำสุด
          4. เติมแป้งที่ร่อนไว้นวดต่อพอจับตัวเป็นก้อน ใส่ส่วนผสมสารเสริม SP และเนยขาว นวดต่อด้วยความเร็วปานกลางของเครื่อง จนแป้งมีลักษณะเนียนนุ่มไม่ติดภาชนะ ปิดเครื่อง
          5. นำแป้งที่ได้คลึงเป็นก้อนกลม คลุมด้วยพลาสติกถนอมอาหารพักไว้ประมาณ 10 นาที จากนั้นตัดแป้งก้อนละ 30-35 กรัม คลึงเป็นก้อนกลมใช้พลาสติกถนอมอาหารคลุมพักไว้อีกประมาณ 5 นาที
          6. ใช้ไม้คลึงแป้งรีดก้อนแป้งให้เป็นแผ่นวงกลม ตักไส้ใส่ลงตรงกลางแผ่นแป้งหุ้มแป้งให้มีดไส้ วางลงบนกระดาษรองซาลาเปา ใช้พลาสติกถนอมอาหารคลุม พักไว้ประมาณ 30 นาที หรือจนแป้งขึ้นฟูเป็น 2 เท่า
          7. เรียงซาลาเปาลงในที่นึ่ง นำขึ้นนึ่งในน้ำเดือดประมาณ 6 นาที ยกลง พักไว้บนตะแกรง พร้อมเสิร์ฟ










4. ซาลาเปาไส้ครีม
ส่วนผสม ซาลาเปาไส้ครีม
      ◆ แป้งซาลาเปา (จากสูตรด้านบน)
      ◆ ผงคัสตาร์ดสำเร็จรูป 225 กรัม
      ◆ น้ำตาลไอซิ่ง 50 กรัม
      ◆ นมสดแช่เย็นจัด 1+1/2 ถ้วยตวง
      ◆ เนยสดเค็มละลาย 50 กรัม
      ◆ พลาสติกถนอมอาหาร (สำหรับคลุมแป้ง)
      ◆ กระดาษรองซาลาเปา

วิธีทำซาลาเปาไส้ครีม
          1. เตรียมส่วนผสมแป้งให้พร้อม
          2. ตีผสมผงคัสตาร์ดกับน้ำตาลไอซิ่ง และนมสดเข้าด้วยกันในเครื่องตีแป้ง ใช้หัวตีรูปตะกร้อตีด้วยความเร็วสูงสุดจนส่วนผสมเหนียวข้น จากนั้นเติมเนยสดละลายลงไปตีต่อจนส่วนผสมเป็นเนื้อเนียนเข้ากันดี ตักใส่ภาชนะ เตรียมไว้
          3. แผ่แป้งซาลาเปาที่ขึ้นฟูแล้วให้เป็นแผ่นบาง ตักไส้ครีมลงไปแล้วห่อให้สวยงาม วางบนกระดาษ พักให้แป้งฟูขึ้นสักครู่
          4. นำซาลาเปาไปนึ่งบนน้ำเดือดโดยใช้ไฟปานกลางประมาณ 8-10 นาทีจนสุกยกลง นำออกจากที่นึ่ง จัดเสิร์ฟ







5. ซาลาเปาไส้ชาเขียว
ส่วนผสม ซาลาเปาไส้ชาเขียว
      ◆ แป้งซาลาเปาที่ผสมเสร็จแล้ว (จากสูตรด้านบน) ผสมผงชาเขียวลงไป 1/4 ถ้วยตวง
      ◆ ผงคัสตาร์ดสำเร็จรูป 150 กรัม
      ◆ ผงวานิลลา 1 ช้อนชา
      ◆ ผงชาเขียว 2 ช้อนโต๊ะ
      ◆ น้ำตาลไอซิ่ง 2 ช้อนโต๊ะ
      ◆ นมสดแช่เย็น 450 กรัม
      ◆ เนยเค็มละลาย 50 กรัม
      ◆ พลาสติกถนอมอาหาร (สำหรับคลุมแป้ง)
      ◆ กระดาษรองซาลาเปา
วิธีทำซาลาเปาไส้ชาเขียว
          1. เตรียมส่วนผสมแป้งให้พร้อม
          2. ร่อนผงคัสตาร์ด ผงวานิลลา ผงชาเขียว และน้ำตาลไอซิ่งเข้าด้วยกัน เทใส่เครื่องตีแป้ง เติมนมสดตามลงไป ตีผสมด้วยหัวตีรูปตะกร้อตีด้วยความเร็วสูงสุดพอส่วนผสมเริ่มเหนียวข้น จากนั้นใส่เนยละลายลงไปตีต่อจนส่วนผสมเนียนเป็นเนื้อเดียวกัน
          3. แผ่แป้งซาลาเปาที่ขึ้นฟูแล้วให้เป็นแผ่นบาง ตักไส้ครีมชาเขียวลงไปแล้วห่อให้สวยงาม วางบนกระดาษ พักให้แป้งฟูขึ้นสักครู่
          4. นำซาลาเปาไปนึ่งบนน้ำเดือดโดยใช้ไฟปานกลางประมาณ 8-10 นาทีจนสุกยกลง นำออกจากที่นึ่ง จัดเสิร์ฟ




6. ซาลาเปาไส้ชาไทย
ส่วนผสม ซาลาเปาไส้ชาไทย
      ◆ แป้งซาลาเปาที่ผสมแล้ว (จากสูตรด้านบน)
      ◆ นมข้นจืด 2 1/2 ถ้วยตวง
      ◆ แป้งข้าวโพด 70 กรัม
      ◆ ไข่แดง (ตีพอแตก) 2 ฟอง
      ◆ น้ำตาลทราย 160 กรัม
      ◆ นมข้นจืด 2 ถ้วยตวง
      ◆ น้ำชาดำ 1/2 ถ้วยตวง
      ◆ ผงวานิลลา 1 ช้อนโต๊ะ
      ◆ พลาสติกถนอมอาหาร
      ◆ กระดาษรองซาลาเปา

วิธีทำซาลาเปาไส้ชาไทย
          1. เตรียมส่วนผสมแป้งให้พร้อม
          2. ผสมนมข้นจืดกับแป้งข้าวโพดเข้าด้วยกันในหม้อ จากนั้นใส่ไข่ไก่ น้ำตาลทราย นมข้นจืด น้ำชาดำ และผงวานิลลาลงไปในหม้อ จากนั้นนำไปตุ๋นบนน้ำเดือดและคนด้วยตะกร้อมือจนส่วนผสมข้นเป็นรอยตะกร้อมือ ยกลงจากเตาพักไว้ให้เย็นสนิท เตรียมไว้
          3. แผ่แป้งซาลาเปาที่ขึ้นฟูแล้วเป็นแผ่นบาง ๆ ตักไส้สังขยาชาไทยลงไปแล้วห่อให้สวยงาม วางลงบนกระดาษ พักไว้จนขึ้นฟูเป็นสองเท่า
          4.. นำซาลาเปาไปนึ่งบนน้ำเดือดโดยใช้ไฟปานกลางประมาณ 8-10 นาทีจนสุกยกลง นำออกจากที่นึ่ง จัดเสิร์ฟ




7. ซาลาเปาไส้สังขยา
  
ส่วนผสม ซาลาเปาไส้สังขยา
      ◆ แป้งสาลีชนิดเบา 350 กรัม
      ◆ ยีสต์แห้งชนิดจืด 1 ช้อนโต๊ะ (10 กรัม)
      ◆ น้ำเปล่า หรือน้ำใบเตย 230 กรัม
      ◆ แป้งสาลีชนิดเบา 150 กรัม
      ◆ เกลือป่น 1/2 ช้อนชา
      ◆ ผงฟู 1 ช้อนโต๊ะ
      ◆ น้ำตาลทราย 125 กรัม
      ◆ น้ำมันพืช 3-4 ช้อนโต๊ะ
      ◆ พลาสติกถนอมอาหาร (สำหรับคลุมแป้ง)
      ◆ กระดาษรองซาลาเปา
วิธีทำซาลาเปาไส้สังขยา
          1. ผสมเเป้งสาลี 350 กรัมกับยีสต์คนให้เข้ากันแล้วใส่น้ำใบเตยลงไป (ถ้าใครทำสีขาวแล้วอยากให้ซาลาเปามีสีขาว ๆ น่ากิน ให้ใส่น้ำเปล่าธรรมดา เเต่ตอนนึ่งให้ใส่น้ำส้มสายชูลงไปในน้ำในที่นึ่งซาลาเปาจะช่วยให้ซาลาเปาขาวขึ้นนิดหน่อย ไม่ใส่น้ำส้มสายชูลงไปตอนนวดเเป้ง) แล้วนวดให้ส่วนผสมรวมกันเป็นก้อน ใช้เวลานวดไม่นานเอาแค่ส่วนผสมเนียน ประมาณไม่ถึง 5 นาที
          2. พักโดว์ไว้ในที่อุ่นประมาณ 30- 50 นาที หรือจนขึ้นเป็นสองเท่า (อาจใช้วิธีนำอ่างใส่น้ำอุ่นค่อนไปทางร้อนมาวางใต้ กะละมังเเล้วก็พักไว้ในเตาอบ วิธีนี้ทำให้แป้งขึ้นเร็วไม่ต้องรอนาน)
          3. ร่อนเเป้งสาลี 150 กรัม เกลือป่น เเละผงฟูรวมกันแล้ว พักไว้
          4. นำแป้งโดว์ใส่ในเครื่องทำขนมปังเปิดโปรเเกรมโดว์ นวดจนครบ 30 นาที โดยระหว่างที่เครื่องนวดค่อย ๆ ทยอยใส่ส่วนผสมแป้ง และก็ใส่น้ำมันพืชลงไป เครื่องจะนวดประมาณ 5 นาที พัก 5 นาที นวดต่ออีก 20 นาที หลังจากที่เครื่องพัก 5 นาทีเเรกเเละเริ่มนวดต่อก็ใส่น้ำมันพืชลงไป เสร็จเเล้วก็ปล่อยให้เครื่องนวดต่อไปจนครบ 30 นาที พักโดว์ไว้ในเครื่อง 10 นาที (ไม่ต้องครบ 1 ชั่วโมง ตามโปรเเกรม) สำหรับคนที่ไม่มีเครื่องทำขนมปัง ก็ใช้วิธีเทโดว์ลงในส่วนผสมแป้งนวดประมาณ 5 นาที เเล้วทยอยใส่น้ำมันพืชนวดจนเนียนประมาณ 15 นาที
          5. ตัดเเป้งเป็นก้อนละ 45-50 กรัม จะทำเล็กหรือใหญ่กว่านี้ก็ได้ตามชอบ คลึงแป้งเป็นก้อนกลม ๆ สำคัญคืออย่าคลึงนานค่ะ เดี๋ยวเเป้งจะฉีก เเผ่เเป้งเป็นเเผ่นกลม ๆ โดยให้ตรงขอบมีขนาดบางกว่าตรงกลาง ที่ทำเเบบนี้เพราะเวลาเราใส่ไส้จับจีบเสร็จเเล้วเเป้งจะมีขนาดเท่ากันทั้งก้อน วางไส้ลงไปก้อนละประมาณ 35 กรัม หรือกะปริมาณน้อยหรือมากกว่านี้ก็ได้
          6. จัดการห่อให้เป็นก้อนกลม ๆ หรือใช้วิธีจับจีบจนครบทุกอันก็ได้ วางลงบนกระดาษรองซาลาเปา คลุมด้วยพลาสติกถนอมอาหารเเล้วพักให้ขึ้น 2 เท่า นานประมาณ 30 นาที - 1 ชั่วโมง นำซาลาเปาไปนึ่งไฟเเรงประมาณ 10 - 15 นาที (เวลาขึ้นอยู่กับไส้เเละขนาด) เอาออกมา พร้อมเสิร์ฟ

         



8. ซาลาเปาไส้งาดำ
        
ส่วนผสม ซาลาเปาไส้งาดำ
      ◆ แป้งซาลาเปาที่ผสมเสร็จแล้ว (จากสูตรด้านบน)
      ◆ งาดำคั่วบดละเอียด 100 กรัม
      ◆ นมข้นจืด 300 กรัม
      ◆ นมสด 200 กรัม
      ◆ แป้งข้าวโพด 60 กรัม
      ◆ น้ำตาลทราย 150 กรัม
      ◆ พลาสติกถนอมอาหาร (สำหรับคลุมแป้ง)
      ◆ กระดาษรองซาลาเปา
วิธีทำซาลาเปาไส้งาดำ
          1. เตรียมส่วนผสมแป้งให้พร้อม
          2. ผสมงาดำ นมข้นจืด นมสด แป้งข้าวโพด และน้ำตาลทรายเข้าด้วยกัน จากนั้นนำขึ้นตั้งไฟปานกลางกวนจนส่วนผสมข้นเหนียว ตักใส่ภาชนะ พักทิ้งไว้ให้เย็นสนิท
          3. แผ่แป้งซาลาเปาที่ขึ้นฟูแล้วเป็นแผ่นบาง ๆ ตักไส้งาดำที่กวนไว้ลงไปแล้วห่อให้สวยงาม วางลงบนกระดาษ พักไว้จนขึ้นฟูเป็นสองเท่า
          4.. นำซาลาเปาไปนึ่งบนน้ำเดือดโดยใช้ไฟปานกลางประมาณ 8-10 นาทีจนสุกยกลง นำออกจากที่นึ่ง จัดเสิร์ฟ




9. ซาลาเปาซิ่วท้อ
          
ส่วนผสม แป้งเชื้อ
      ◆ แป้งเค้ก 350 กรัม
      ◆ ยีสต์ 1+1/2 ช้อนชา
      ◆ เนยขาว 10 กรัม
      ◆ น้ำเปล่า 1 ถ้วยตวง
ส่วนผสมแป้งโด
      ◆ แป้งเค้ก 180 กรัม
      ◆ ผงฟู 1 1/2 ช้อนชา
      ◆ แป้งเชื้อที่ผสมไว้
      ◆ น้ำตาลทราย 150 กรัม
      ◆ เกลือป่น 1/2 ช้อนชา
      ◆ เนยขาว 60 กรัม
      ◆ พลาสติกถนอมอาหาร (สำหรับคลุมแป้ง)
      ◆ กระดาษรองซาลาเปา
      ◆ สีผสมอาหารสีชมพูผสมน้ำเปล่า
      ◆ แปรงสีฟันสะอาด (ยังไม่ได้ใช้)
วิธีทำแป้งเชื้อ
          1. ร่อนแป้งเค้กลงอ่างผสม ใส่ยีสต์คนให้เข้ากัน ทำแป้งเป็นบ่อตรงกลาง เทน้ำเปล่าลงไป นวดจนส่วนผสมเป็นก้อน
          2. ใส่เนยขาว นวดต่อจนเนื้อเนียน คลุมภาชนะด้วยพลาสติกถนอมอาหาร พักแป้งไว้ประมาณ 30-40 นาที หรือจนส่วนผสมฟูเป็นสองเท่า
วิธีทำซาลาเปาซิ่วท้อ
          1. ร่อนแป้งเค้กกับผงฟูเข้าด้วยกัน ใส่ลงอ่างผสม เตรียมไว้
          2. ใส่แป้งเชื้อ น้ำตาลทรายและเกลือป่นลงไปในเครื่องตีแป้ง ตีด้วยหัวตีรูปตะขอด้วยความเร็วปานกลางพอเข้ากัน จากนั้นค่อย ๆ เทแป้งที่ร่อนไว้ลงไปตีผสมจนเป็นก้อน
          3. สุดท้ายใส่เนยขาวลงไปนวดต่อให้เข้ากันจนแป้งเนียนจากนั้น นำออกมาคลึงเป็นก้อนกลม คลุมด้วยพลาสติกถนอมอาหาร พักแป้งไว้ประมาณ 5-10 นาที
          4. ตัดแบ่งแป้งซาลาเปาออกเป็นก้อน คลึงเป็นก้อนกลม ๆ แล้วปั้นเป็นรูปหยดน้ำ จากนั้นใช้ไม้จิ้มฟันให้เป็นร่องตรงกลางแป้ง
          5. ใช้แปรงสีฟันจุ่มลงในสีผสมอาหารที่ผสมน้ำไว้แล้วค่อย ๆ ดีดลงบนแป้งซาลาเปาด้านที่แหลมบาง ๆ จากนั้นนำไปวางลงบนกระดาษรองซาลาเปา พักไว้จนขึ้นฟูเป็นสองเท่า
          6. นำซาลาเปาขึ้นนึ่งบนน้ำเดือดใช้ไฟปานกลางประมาณ 8-10 นาที ยกลง นำออกจากที่นึ่ง  จัดเสิร์ฟ




10. หมั่นโถว
        
ส่วนผสม แป้งเชื้อ
      ◆ แป้งสาลีอเนกประสงค์ 400 กรัม
      ◆ ยีสต์ 2+1/2 ช้อนชา
      ◆ น้ำตาลทราย 1  ช้อนโต๊ะ
      ◆ น้ำเปล่า 240 กรัม
ส่วนผสม หมั่นโถว
      ◆ แป้งเชื้อที่ผสมไว้
      ◆ แป้งสาลีอเนกประสงค์ 300 กรัม
      ◆ ผงฟู 2 ช้อนชา
      ◆ น้ำตาลทราย 100 กรัม
      ◆ เกลือป่น 1 ช้อนชา
      ◆ น้ำเปล่า 100 กรัม
      ◆ เนยขาว 50 กรัม
      ◆ พลาสติกถนอมอาหาร (สำหรับคลุมแป้ง)
      ◆ กระดาษรองซาลาเปา
วิธีทำแป้งเชื้อ
          1. ร่อนแป้งสาลีอเนกประสงค์ 2 รอบแล้วใส่ลงในอ่างผสม ใส่ยีสต์ลงไปผสมให้เข้ากัน ทำแป้งเป็นบ่อตรงกลาง
          2. ผสมน้ำตาลทรายและน้ำเปล่าเข้าด้วยกันจนละลาย เทลงในบ่อแป้ง ใช้หัวตีรูปตะขอตีแป้งจนส่วนผสมเป็นก้อนเดียวกัน พักแป้งไว้ประมาณ 1 ชั่วโมงจนขึ้นฟูเป็นสองเท่า
วิธีทำหมั่นโถว
          1. ร่อนแป้งสาลีอเนกประสงค์กับผงฟูเข้าด้วยกันลงอ่างผสม เทใส่เครื่องตีแป้ง พักไว้
          2. ละลายน้ำตาลทราย เกลือป่น และน้ำเปล่าเข้าด้วยกัน เทใส่ลงในส่วนผสมแป้งที่ร่อนไว้ ตีด้วยความเร็วปานกลางจนส่วนผสมเป็นก้อน ใส่เนยขาวลงไปนวดพอเข้ากัน ใส่แป้งเชื้อนวดจนเนียน นำออกมาคลึงเป็นก้อนกลม คลุมด้วยพลาสติกถนอมอาหาร พักแป้งไว้สักครู่
          3. รีดแป้งให้เป็นแผ่นสี่เหลี่ยมผืนผ้าแล้วม้วนแป้งเป็นแท่ง ตัดเป็นก้อนขนาดเท่ากำมือหรือทำเป็นรูปอื่นตามชอบ วางลงบนกระดาษรองซาลาเปาแล้วพักแป้งไว้จนขึ้นฟูเป็นสองเท่า
          4. นำซาลาเปาขึ้นนึ่งบนน้ำเดือดใช้ไฟปานกลางประมาณ 10 นาที ยกลง นำออกจากที่นึ่ง จัดเสิร์ฟ

        




ที่มา เว็บกระปุก

แชร์เก็บไว้เลย !!! แจก 17 สูตรวิธีการชงกาแฟ โอเลี้ยง ยกล้อ กาแฟโบราณ หมดเปลือก เปิดร้านขายได้เลย

เผยสูตรวิธีการชงกาแฟ โอเลี้ยง ยกล้อ กาแฟโบราณบอกหมดเกลี้ยงพร้อมเปิดร้านได้เลย วิธีการชงกาแฟ โอเลี้ยง ยกล้อ กาแฟโบราณ 1. สูตรชง...