วันพุธที่ 28 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2561

7 วิธีทำน้ำเต้าหู้ สูตรทำขายและน้ำเต้าหู้สูตรโฮมเมดหลากรส ทำง่ายเพื่อสุขภาพ


7 วิธีทำน้ำเต้าหู้ สูตรทำขายและน้ำเต้าหู้สูตรโฮมเมดหลากรส ทำง่ายเพื่อสุขภาพ


คนรักสุขภาพต้องไม่พลาดสูตรทำน้ำเต้าหู้ หรือนมถั่วเหลืองสูตรโฮมเมดทำง่ายราคาถูก ทำดื่มเองและสามารถทำขายเป็นอาชีพเสริมได้ น้ำเต้าหู้รสชาติเข้มข้นไม่ใสแจ๋ว มือใหม่ก็ทำได้ไม่ยุ่งยาก
          น้ำเต้าหู้ หรือนมถั่วเหลือง อีกหนึ่งเครื่องดื่มที่ดีต่อสุขภาพ อุดมไปด้วยโปรตีน เหมาะสำหรับคนที่ต้องการโปรตีนจากถั่วเหลืองและคนที่แพ้นมวัวแล้วต้องการหานมชนิดอื่นทดแทน แถมน้ำเต้าหู้ยังย่อยง่าย ไม่มีไขมัน กินอิ่มแบบเบา ๆ



1. สูตรน้ำเต้าหู้สำหรับทำขาย
สูตรน้ำเต้าหู้เจ้าดัง "ขายดีต้นทุนน้อย กำไรงาม ใครจะขายน้ำเต้าหู้ต้องลอง ไม่ผิดหวังแน่นอน

ส่วนผสม
ถั่วเหลือง1กิโล
น้ำสะอาด6ขัน(ใช้ขันเบอร์22)
ใบเตยล้างสะอาดและมัดรวม5ใบ
น้ำเชื่อม2ทัพพี
เกลือเล็กน้อย
ผ้าขาวบางสำหรับกรองน้ำนมถั่วเหลือง
วิธีเตรียม
1.ล้างถั่วให้สะอาดแล้วแช่ทิ้งไว้6ชม.ถั่วเหลืองจะพองขึ้นมาอีกเท่าตัว
2.ล้างถั่วที่แช่ไว้หลายๆน้ำจนหมดกลิ่นถั่วนำไปปั่นพร้อมน้ำที่ตวงไว้6ขัน
วิธีปั่น
ใส่ถั่วลงไปในโถปั่นตามด้วยน้ำปั่นจนละเอียดดีเทใส่ผ้าขาวบางแล้วบีบเอาแต่น้ำกากที่ได้อย่าพึ่งทิ้งให้เก็บไว้ปั่นรอบที่สองหมายความว่าในถั่วหนึ่งกิโลและน้ำ6ขันต้องปั่นสองครั้งค่ะพยายามบีบน้ำนมออกให้มากที่สุดและกรองด้วยผ้าขาวบางอีกครั้งก่อนนำไปต้มใส่เกลือเล็กน้อย
วิธีตุ๋น
สูตรนี้ใช้วิธีตุ๋นด้วยการเอากาละมังใส่น้ำเปล่าแล้วตั้งเตาจุดไฟใช่ไฟแรงพอน้ำเริ่มร้อนก็ยกหม้อน้ำเต้าหู้ลงไปวางบนกาละมังอีกทีเขาเรียกว่า"ตุ๋น"ระหว่างที่ตุ๋นหมั่นคนน้ำเต้าหู้และช้อนฟองทิ้งบ่อยๆพอน้ำเต้าหู้เริ่มร้อนหมายถึงเริ่มสุกให้ลดไฟลงและหมั่นคนน้ำเต้าหู้จะเริ่มจับตัวข้นขึ้นกว่าเดิมให้ใส่ใบเตยลงไปเติมน้ำเชื่อมต้มจนสุกข้นเนื้อนวลเนียนได้ที่ปิดไฟ
สูตรนี้เมื่อทำเสร็จจะได้น้ำเต้าหู้17กิโลค่ะเครื่องที่ใส่น้ำเต้าหู้ก็มีสาคูวุ้นถั่วแดงหลวงข้าวบาร์เล่ย์แป๊ะก๋วยเม็ดแมงลัก


ขอบคุณเจ้าของสูตรน้ำเต้าหู้ยายติ๋ว
ภาพจากอินเตอร์เน็ต


    



          
2. น้ำเต้าหู้ถั่วเหลืองอัลมอนด์
 สูตรนี้กลิ่นของถั่วเหลืองไม่แรง เพราะใส่ถั่วลิสงและอัลมอนด์ลงไปเพิ่มความหอมมันอีกด้วย วิธีทำไม่ยากเลย ถ้าดื่มไม่หมดสามารถเทใส่ขวดเก็บไว้แช่ในตู้เย็นได้นาน 3 วันด้วย วันหยุดนี้ลองมาทำเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพแบบนี้เก็บไว้ดื่มกันเถอะ [สูตรจาก RinS CookBook]
ส่วนผสม น้ำเต้าหู้
          • ถั่วเหลือง 16 ออนซ์ (ประมาณ 453 กรัม)
          • ถั่วลิสง 1 ถ้วย
          • อัลมอนด์ 1 ถ้วย
          • น้ำเปล่า
          • น้ำตาลทรายแดง หรือน้ำตาลทรายขาว (สำหรับเพิ่มความหวานตามชอบ)
          หมายเหตุ : อัตราส่วนผสมระหว่างถั่วกับน้ำคือ 1:3
วิธีทำ น้ำเต้าหู้
           1. ล้างถั่วเหลือง ถั่วลิสง และอัลมอนด์ให้สะอาด จากนั้นแช่น้ำให้ท่วมทิ้งไว้อย่างน้อย 8 ชั่วโมงหรือข้ามคืน (ถั่วที่ได้จะพองขึ้นเป็น 3 เท่า)
           2. ใส่ถั่วทั้งหมดที่แช่น้ำแล้ว 3 ถ้วยลงในเครื่องปั่น ตามด้วยน้ำเปล่า 6 ถ้วย (อัตราส่วน 1:3) แล้วปั่นให้เข้ากันประมาณ 1-2 นาทีจนส่วนผสมเนียนละเอียด
           3. นำส่วนผสมที่ปั่นละเอียดแล้วมากรองด้วยผ้าขาวบาง บีบเอาเฉพาะน้ำ ใส่หม้อ เตรียมไว้
           4. นำน้ำเต้าหู้ขึ้นตั้งไฟต้มจนเดือดและมีฟอง (หมั่นคนผสมเรื่อย ๆ เพื่อไม่ให้ส่วนผสมไหม้)
           5. ตักน้ำเต้าหู้ที่ได้ใส่แก้ว เติมน้ำตาลทรายแดงลงไปตามชอบ คนผสมให้เข้ากัน พร้อมเสิร์ฟ




3. น้ำเต้าหู้งาดำ
          น้ำเต้าหู้งาดำเมนูเครื่องดื่มสุขภาพที่ได้ประโยชน์มากขึ้นกว่าเดิม หิวเมื่อไรก็สามารถทำดื่มเองได้เลยค่ะ ช่วยให้อิ่มท้องและได้ประโยชน์จากทั้งน้ำเต้าหู้และงาดำหอม ๆ ใครชอบความหวานมากหรือน้อยก็สามารถเลือกได้ตามใจชอบ แช่เย็นสักหน่อยก่อนนำมาดื่มก็อร่อยไม่เบา
ส่วนผสม น้ำเต้าหู้งาดำ
          • ถั่วเหลืองซีก 500 กรัม
          • งาดำ 1-2 ช้อนโต๊ะ (ตามความชอบ)
          • น้ำอุ่น
          • น้ำตาลทราย (สำหรับเพิ่มความหวานตามชอบ)
วิธีทำน้ำเต้าหู้งาดำ
           1. ล้างถั่วเหลืองให้สะอาด เลือกเม็ดที่เสียทิ้ง ตักขึ้นสะเด็ดน้ำ จากนั้นนำไปคั่วในกระทะจนแห้งและมีกลิ่นหอม แล้วนำไปแช่ในน้ำสะอาดทิ้งไว้อย่างน้อย 3 ชั่วโมง หรือข้ามคืนจนถั่วเหลืองนิ่ม
           2. ล้างงาดำให้สะอาด ตักขึ้นสะเด็ดน้ำแล้วนำไปคั่วจนมีกลิ่นหอม เตรียมไว้
           3. ใส่ถั่วเหลืองที่แช่น้ำจนนิ่มแล้วลงในเครื่องปั่น ตามด้วยงาดำคั่ว เติมน้ำอุ่นลงไปกะพอให้ท่วมส่วนผสม จากนั้นปั่นจนละเอียด ยกลงกรองด้วยผ้าขาวบาง คั้นเอาเฉพาะน้ำ
           4. เทน้ำเต้าหู้งาดำลงในหม้อ นำขึ้นตั้งไฟต้มจนเดือด หมั่นคนสม่ำเสมอเพื่อไม่ให้ก้นหม้อไหม้ พอเดือดแล้วเติมน้ำตาลทรายลงไป ชิมรสตามชอบ คนผสมให้เดือดอีกครั้ง ยกลงจากเตา ตักใส่แก้ว พร้อมเสิร์ฟ








4.  น้ำเต้าหู้แครอท
          น้ำเต้าหู้แครอทถ้วยนี้มีสีสันชวนดื่มมากกว่าเดิมจากสีส้มนวล ๆ ของน้ำแครอท และสรรพคุณของแครอทที่เปี่ยมไปด้วยเบต้าแคโรทีนและสารต้านอนุมูลอิสระมากมาย สูตรนี้หอมกลิ่นใบเตยด้วยนะคะ ทำครั้งเดียวเทใส่ขวดเก็บเข้าตู้เย็นไว้ดื่มได้หลายวันเลยค่ะ
สิ่งที่ต้องเตรียม
          • ถั่วเหลืองซีก 500 กรัม
          • น้ำเปล่า
          • น้ำแครอทคั้นเข้มข้น 1 ถ้วย
          • ใบเตยมัดเป็นปม
          • น้ำตาลทราย 1 ถ้วย (สำหรับเพิ่มความหวานตามชอบ)
          • เกลือป่น 1/4 ช้อนชา
วิธีทำ
           1. ล้างถั่วเหลืองให้สะอาด แช่น้ำทิ้งไว้อย่างน้อย 3 ชั่วโมง หรือ 1 คืน ตักขึ้นสะเด็ดน้ำ เตรียมไว้
           2. ใส่ถั่วเหลืองลงในเครื่องปั่น ตามด้วยน้ำเปล่ากะให้พอท่วมถั่วเหลืองแล้วปั่นจนละเอียด กรองด้วยผ้าขาวบาง คั้นเอาเฉพาะน้ำ เตรียมไว้
           3. ใส่น้ำเต้าหู้ที่ได้ผสมกับน้ำแครอทคนผสมให้เข้ากัน จากนั้นเทใส่หม้อ นำขึ้นตั้งไฟปานกลาง ใส่ใบเตยลงไป ต้มจนเดือด หมั่นคนสม่ำเสมอเพื่อไม่ให้ก้นหม้อไหม้
           4. พอน้ำเต้าหู้เดือดลดไฟลงให้เหลือไฟอ่อน ตักใบเตยออก ใส่น้ำตาลทรายและเกลือป่น คนผสมจนน้ำตาลทรายละลาย ชิมรสตามชอบ พร้อมเสิร์ฟ




5. น้ำเต้าหู้ใบเตย
          สำหรับใครที่ไม่ชอบกลิ่นของถั่วเหลืองมากนัก ขอแนะนำน้ำเต้าหู้ใบเตยแก้วนี้ เพราะมีกลิ่นหอมของใบเตยที่จะมาช่วยกลบกลิ่นถั่วเหลืองลงไป ทำง่าย ๆ เหมือนวิธีทำน้ำเต้าหู้สูตรพื้นฐาน เพียงแต่เพิ่มใบเตยลงไปเท่านั้น ถ้าหากใครอยากได้ธัญพืชเคี้ยวกรุบ ๆ ก็ใส่ลูกเดือย ข้าวบาร์เลย์ และงาดำคั่วลงไปอีกได้นะคะ
ส่วนผสม น้ำเต้าหู้ใบเตย
          • ถั่วเหลืองซีก 500 กรัม
          • น้ำเปล่า
          • เกลือป่น เล็กน้อย
          • ใบเตยหั่นเป็นชิ้นเล็ก 10-15 ใบ
          • น้ำตาลทราย (สำหรับเพิ่มความหวานตามชอบ)
วิธีทำ
           1.  ล้างถั่วเหลืองให้สะอาด แช่น้ำทิ้งไว้ประมาณ 3 ชั่วโมง หรือ 1 คืน ตักขึ้นสะเด็ดน้ำ เตรียมไว้
           2. ใส่ถั่วเหลืองลงในเครื่องปั่น ตามด้วยใบเตย และน้ำเปล่ากะพอให้ท่วมส่วนผสม ปั่นให้เข้ากันจนละเอียด จากนั้นนำไปกรองด้วยผ้าขาวบาง คั้นเอาเฉพาะน้ำ เตรียมไว้
           3. เทน้ำเต้าหู้ใส่หม้อ นำขึ้นตั้งไฟปานกลาง ใส่เกลือลงไปเล็กน้อย หมั่นคนสม่ำเสมอเพื่อไม่ให้ก้นหม้อไหม้
           4. พอน้ำเต้าหู้เดือดแล้วลดเป็นไฟอ่อน ต้มต่อไปอีกประมาณ 10 นาที จากนั้นใส่น้ำตาลทรายลงไปปริมาณตามชอบ พร้อมเสิร์ฟ





6. น้ำเต้าหู้ชาเขียว
           สำหรับใครที่ชื่นชอบรสชาติขมของชาเขียว ลองจับมาใส่ในน้ำเต้าหู้ดูสิ กลายเป็นน้ำเต้าหู้ชาเขียว แม้หน้าตาน้ำเต้าหู้จะสีเขียวแต่ไม่ขม เวลาดื่มจะได้กลิ่นของนมถั่วเหลืองและชาเขียวผสมผสานกัน รสชาติเข้ากันดีไม่เบาเลยล่ะ
ส่วนผสม
          • น้ำเต้าหู้สูตรพื้นฐาน 1 ถ้วย
          • ผงชาเขียวมัทฉะ 1 ช้อนชา
          • น้ำร้อน 2 ช้อนโต๊ะ
          • น้ำตาลทรายแดง  (สำหรับเพิ่มความหวานตามชอบ)
วิธีทำ
           1. นำนมถั่วเหลืองไปอุ่นแค่พอร้อน (ไม่ต้องเดือด) ตักใส่แก้ว เตรียมไว้
           2. ใส่ผงชาเขียวมัทฉะลงไปในน้ำร้อนแล้วคนผสมจนละลายเข้ากัน
           3. ใส่ส่วนผสมชาเขียวที่ละลายแล้วลงไปในแก้วนมถั่วเหลือง เติมน้ำตาลทรายแดงในปริมาณที่ชอบ คนให้เข้ากัน พร้อมเสิร์ฟ



7. น้ำเต้าหู้ผสมมะนาว
          น้ำเต้าหู้ผสมมะนาว สูตรนี้คิดค้นขึ้นโดย นพ.สมเกียรติ อธิคมกุลชัย จักษุแพทย์ ผู้ใช้ยาร่วมกับการรักษาโดยแพทย์ทางเลือก โรงพยาบาลเอกชัย จังหวัดสมุทรสาคร [คลิกอ่าน น้ำเต้าหู้ผสมมะนาว สูตรเด็ดคูณสอง ที่เขาว่าเป็นยาอายุวัฒนะ] ที่แนะนำให้คนไข้ดื่มน้ำนมถั่วเหลืองผสมกับน้ำมะนาวเป็นประจำ เพื่อสร้างเสริมการทำงานของสมอง สายตา และยังช่วยบำรุงร่างกายให้แข็งแรงขึ้น เขาว่ากันว่าเป็นยาอายุวัฒนะ ใครรักสุขภาพต้องลอง
ส่วนผสม น้ำเต้าหู้มะนาว
          • น้ำเต้าหู้ (ไม่ใส่น้ำตาล) 150-200 ซี.ซี.
          • มะนาว 1 ผล
วิธีทำน้ำเต้าหู้มะนาว
          1. นำมะนาว 1 ผล ไปแช่เย็นแล้วนำมาคั้นเป็นน้ำ
          2. ผสมน้ำมะนาวลงไปในน้ำนมถั่วเหลือง คนให้เข้ากัน (จะมีลักษณะข้นคล้ายโยเกิร์ต รสชาติเปรี้ยว ๆ หวาน ๆ) พร้อมเสิร์ฟ

      



สูตรจาก kapook
ภาพจาก google


วันอาทิตย์ที่ 25 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2561

แจก 2 สูตรหมูปิ้งนมสดไม้ละ10บาท กำไรหลักพันต่อวัน




จก 2 สูตรหมูปิ้งนมสดฟรี !! วิธีทำหมูปิ้งนมสดสูตรทำขายไม้ละ 10 บาท กำไรหลักพันต่อวัน อาชีพสร้างรายได้ รวยแบบง่ายๆภาวะเสี่ยงน้อย ต้นทุนต่ำกำไรงามและอีกสูตรสำหรับทำรับประทานเองที่บ้านง่ายๆ ไปดูวิธีทำกันเลยค่ะ

สูตรที่1. หมูปิ้งนมสดสูตรทำขาย
ส่วนประกอบวัตถุดิบในการทำหมูปิ้ง
- เนื้อหมู 5 กิโลกรัม
- สันคอ 5 กิโล กรัม
- มันหมูแข็ง 100 กรัม
- สับปะรดเล็ก 1 ลูก สับหยาบ
- นมสดรสจืด 250 มิลลิลิตร 1 กล่อง
- ผงฟู 1 ช้อนโต้ะปาด
- น้ำตาลปีบ 1 ก้อน
- น้ำปลา 4 ช้อนโต๊ะ
- รากผักชี ต้มน้ำพอสุก (เวลาต้มแนะนำให้น้ำท่วมรากผักชี) สับละเอียด 12 ราก
- กระเทียมไทยสับละเอียดจนเกือบเละ 20 เม็ด
- กระเทียมไทยสับหยาบพอเห็นกระเทียม 5 เม็ด
- พริกไทย 2 ช้อนโต้ะ



วิธีทำหมูปิ้งนมสด
1. ล้างหมูให้สะอาด เพื่อล้างมันและเลือดออกไปเพื่อไม่ให้มีกลิ่นคาว นำกระดาษมาซับหมูให้แห้งเล็กน้อย
2. จากนั้นนำหมูมาหั่นเป็นชิ้นใหญ่ๆ ถ้าชิ้นเล็กไปหมูจะเละเวลาเสียบไม้
3. นำหมูมาหมักกับสับปะรดที่สับหยาบ หมักด้วยการแช่ตู้เย็นไว้ 2-3 ชม.
4. จากนั้นก็มาทำน้ำซอส ด้วยการละลายน้ำตาลและน้ำปลา จนเข้ากันดี ใส่กระเทียมสับละเอียด รากผักชีสับละเอียด (ขั้นตอนนี้เราจะเหลือกระเทียมหยาบ และพริกไทยไว้ใช้ทีหลังด้วย)
5. เมื่อครบเวลาหมักหมู ก็ให้นำสับปะรดออก เทน้ำสับปะรดทิ้งไป เพื่อหยุดกระบวนการทำให้หมูนุ่ม
จากนั้นหั่นหมูเป็นชิ้นไว้ขาย ตามขนาดเท่ากับที่เราเคยซื้อรับประทาน
6. ต่อด้วยการนำมันหมูไปเจียวในกระทะให้แข็งพอสุกนิดหน่อยแค่พอเปลี่ยนสีแล้วนำขึ้นมาพักไว้
7. จากนั้นเทนมใส่ลงไป ทีละน้อย แล้วคนไปด้วย จนนมหมดกล่อง ผงฟูใส่ลงไปแล้วคนให้เข้ากัน ห้ามให้ผงฟูเป็นก้อนเด็ดขาด
8. จากนั้นใส่ซอสที่เราปรุงไว้ คนให้เข้ากัน
9. จากนั้นใส่กระเทียมหยาบ พริกไทย คนให้เข้ากัน
เสร็จแล้วนำไม้มาเสียบเนื้อหมูชิ้นนึง มันแข็งชิ้นนึง แล้วเนื้อหมูอีกชิ้น จากนั้นนำไปแช่ตู้เย็นเอาไว้ รอเวลานำมาย่าง

สำหรับท่านใดที่กำลังมองหาอาชีพอยู่ หรือต้องการลาออกจากงานประจำ แล้วหันมาเป็นนายตัวเอง อาชีพขายหมูปิ้งนมสดก็เป็นอีกหนึ่งอาชีพที่น่าสนใจมากๆ เลย ซึ่งท่านอาจะลองเปิดขายตามชุมชน หรือบริเวณหน้าโรงเรียนตอนเช้าๆ ทำเป็นอาชีพเสริมได้ หลังจากนั้นเวลาที่เหลือก็สามารถหาอะไรทำเพิ่มได้

***เคล็ดลับ ถ้าจะขายเช้าให้หมักหมูทิ้งไว้ตอนเย็น ถ้าจะขายเย็นให้หมักหมูทิ้งไว้ตอนเช้า น้ำมันเจียวที่ได้จากมันหมู เอาไว้ทาหน้าหมูย่างแทนกะทิ มีอีกหนึ่งข้อที่เจ้าของสูตรบอกเอาไว้ว่าการหมัก ไม่ควรหมักนานเกินไปมันจะทำให้หมูจะนุ่มจนเละและไม่อร่อยได้

 ขอบคุณข้อมูลจาก : คุณ “สมาชิกหมายเลข 1871558“ “สมาชิกเว็บไซต์พันทิป
ภาพประกอบจากอินเตอร์เน็ต


สูตรที่ 2. หมูปิ้งนมสด สูตรสำหรับทำทานเองที่บ้าน

ข้าวเหนียวหมูปิ้ง อาหารเช้ายอดฮิตในเวลาเร่งรีบในตอนเช้า แต่กว่าจะเป็นหมูปิ้งที่นุ่มรสชาติอร่อยนั้น ผ่านการหมักของเครื่องปรุงและเครื่องเทศเยอะแยะมากมาย แต่หากอยากลองทำเล่นๆ กินเองที่บ้าน เราจะย่อสูตรลงไปมาให้ง่ายขึ้น แต่ยังคงความอร่อยเหมือนชื้อจากร้าน

ส่วนผสมหมูปิ้งนมสด
- เนื้อหมูสันนอก 500 กรัม
- น้ำตาลปี๊บ 1/3 ถ้วย
- น้ำปลา 2 ช้อนโต๊ะ
- ซอสหอยนางรม 2 ช้อนโต๊ะ
- น้ำตาลทราย 1/2 ช้อนโต๊ะ
- กระเทียมสับ 1/2 ถ้วย
- รากผักชีหั่น 2 ช้อนโต๊ะ
- แป้งข้าวโพด 1 ช้อนโต๊ะ
- นมข้นจืด 1/2 ถ้วย

วิธีทำ
1. เตรียมหั่นเนื้อหมูสันนอก เป็นชิ้นให้พอดีกับไม้เสียบสำหรับปิ้ง
2. ใส่น้ำตาลปี๊บ น้ำปลา ซอสหอยนางรม และน้ำตาล คลุกให้เข้ากัน
3. ใส่กระเทียมสับ รากผักชีสับ แป้งข้าวโพด และนมข้นจืด หมักทิ้งไว้ 3 ชม. ขึ้นไป ระหว่างนี้ก็ไปหุงข้าวเหนียว เตรียมเตาย่างได้เลย
4. เมื่อหมูที่หมักไว้ได้ที่แล้ว นำหมูมาเสียบไม้ หากใครไม่สะดวกใช้เตาถ่าน ให้นำมาปิ้งบนกระทะก็ได้ค่ะ ปิ้งหมูเสร็จแล้วก็จัดใส่จานเสิร์ฟพร้อมกัน
ข้าวเหนียวร้อนๆ



วันเสาร์ที่ 24 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2561

สูตรและวิธีทำกุยช่ายทอดและนึ่ง ให้อร่อย


“ กุยช่ายทอด ” อาหารว่างที่สามารถทำไว้กินเล่นในครอบครัว หรือทำขายเป็นอาชีพเสริม ด้วยรสชาติอร่อย มีเอกลักษณ์ เนื้อกุยช่ายทอดด้านนอกแป้งกรอบ แต่ด้านในเหนียวหนุบหนับ ยิ่งจิ้มกับน้ำจิ้มหวานเผ็ด รสชาติอร่อยลิ้นอย่าบอกใครวันนี้เรามี
สูตรและวิธีทำกุยช่ายทอดและนึ่ง ให้อร่อย มาฝาก

สูตรที่1 กุยช่ายแบบนึ่งแบบที่1
เริ่มต้นด้วยการเตรียมไส้กุยช่ายก่อน
ส่วนผสมไส้กุยช่าย
1.ใบกุยช่าย 200 กรัม
2. เบคกิ้งโซดา 1/4 ช.ช.
3. ซีอิ๊วดำ 1 ช.ต.
4. ซีอิ๊วขาว 2 ช.ต.
5. น้ำตาลทราย 2 ช.ช.
6. น้ำมันพืช 1 ช.ต.
7. กระเทียมสับละเอียด 1 ช.ต.

วิธีทำ
1. นำใบกุยช่ายมาล้างน้ำ แล้วตัดเป็นท่อนยาวประมาณ 1 นิ้ว แล้วผึ่งให้แห้ง
2.ผสม ซีอิ้วดำ ซีอิ้วขาว น้ำตาลทราย และ เบคกิ้งโซดา ผสมรวมกันไว้ก่อน
3.นำกระทะตั้งไฟ ใส่น้ำมันพืช พอร้อน ใส่กระเทียมสับลงไปผัดให้เหลือง
4.นำกุยช่ายที่ผึ่งให้แล้ว ลงไปผัด แล้วเทเครื่องปรุงลงไปผัดให้ผักสลด
5.ตักขึ้นพักไว้ให้เย็น



#สูตรแป้งขนมกุยช่ายแบบนึ่ง
ส่วนผสมแป้งกุยช่าย
1.แป้งข้าวจ้าว 1 1/2 ถ้วย
2.แป้งข้าวเหนียว 1/2 ถ้วย
3.แป้งมัน 1/2 ถ้วย
4.น้ำเปล่า 2 ถ้วย
5.น้ำมันพืช 1/4 ถ้วย
6.แป้งมันสำหรับนวด 1/4 ถ้วย
วิธีทำ
1.ผสมแป้งทั้งหมดให้เข้ากัน ทำบ่อตรงกลาง
2.แล้วเทน้ำมันพืชลงไป แล้วค่อยๆ เติมน้ำ นวดให้แป้งเข้ากันทีละน้อยก่อน นวดไปเรื่อยๆ แล้วค่อยๆ เติมน้ำไปเรื่อยๆ จนหมด
3.แล้วนำใส่กระทะทองเหลือง หรือ หม้อสแตนแลสไปตั้งไปกวนด้วยไฟปานกลาง จนแป้งสุกจับกันเป็นก้อน และแป้งไม่ติดหม้อ หรือกระทะ
4.นำแป้งออกมาพักไว้ให้อุ่นจนถึงเย็น แล้วค่อยๆ ใส่แป้งมันนวดแป้งไป จนแป้งไม่ติดมือ หรือถ้ามันติดมือมากๆก็ปั้นแป้งเป็นก้อนๆ แล้วเอาไปคลุกไว้กับแป้งมันเลย แล้วค่อยๆ แผ่แป้งออก เผื่อใส่ไส่กุยช่าย
5.ตั้งรังถึง ให้น้ำเดือดนำ กุยช่ายที่ห่อแล้วไปนึ่ง ประมาณ 7- 12 นาที ยกลง
5.ตักกระเทียมเจียวใส่ชาม 1 ช.ต. แล้วนำมันพืช 1/4 ถ้วยตวง ผสมลงไปเมื่อ กุยช่ายสุกแล้ว เอาลงไปคลุกกับน้ำมันกระเทียมเจียวที่ละอัน
6. เสริฟกับน้ำจิ้ม

เครื่องปรุงน้ำจิ้มขนมกุยช่าย
1.พริกแดง 1 2 เม็ด หรือพริกเหลืองโขลกละเอียด
2.ซีอิ้วดำหวาน 2 ถ้วย
3.ซีอิ้วขาว 1/4 ถ้วย
4.น้ำส้มสายชู 2 ช.ต.
5.น้ำตาลทราย 2 ช.ต.
ผสมทุกอย่างให้เข้ากัน หากนำไปตั้งไฟให้เดือด แล้วเก็บไว้ในตู้เย็น จะเก็บได้นานคะ



สูตรที่2. ขนมกุยชายแบบนึ่ง

ส่วนผสมแป้ง 
แป้งข้าวจ้าว 200 กรัม
แป้งมัน 100 กรัม 
น้ำเดือดจัด 2 ถ้วยตวง 
กระเทียมเจียว
 วิธีทำ 
ผสมแป้งทั้ง 2 ชนิดเข้าด้วยกัน เทน้ำร้อนใส่ ใช้ไม้พายคนให้เข้ากัน พออุ่นนวดให้เนื้อเนียน เอามือแปะแป้งนวล (แป้งมัน) เล็กน้อยนวดจนเหนียวนุ่ม คลึงแป้งเป็นก้อนยาว ใช้มีดตัดให้เท่าๆ กัน นำไปคลุกแป้งนวลปั้นเป็นก้อนกลม แผ่ให้บางเป็นรูปเบ้าหรือถ้วย ตักไส้ใส่ จีบริมแป้งให้สวยงาม กดก้อนแป้งให้แบนเล็กน้อย วางบนลังถึงซึ่งปูด้วยใบตองฉีกหยาบๆ ทาน้ำมันเล็กน้อย วางให้ห่างกันพอควร นึ่งด้วยไฟแรงพรมน้ำบนตัวขนมเล็กน้อย นึ่งประมาณ 15 นาที ยกลง พรมด้วย กระเทียมเจียว
วิธีทำไส้ 
ส่วนผสม
ใบกุยช่ายล้างสะอาดหั่นหยาบ ๆ 3 ถ้วยตวง
เกลือป่น 1 ช้อนชา 
ซีอิ้วขาว 1 ช้อนโต๊ะ 
น้ำตาลทราย 1 ช้อนโต๊ะ 
โซดาไบคาร์บอเนต 1 ช้อนชา 
กระเทียมเจียว 1 ช้อนโต๊ะ 
พริกไทยป่น 1 ช้อนโต๊ะ
 วิธีทำ
 นำส่วนผสมทั้งหมดคลุกเคล้าหมัก 5 นาที ใส่กระชอนให้สะเด็ดน้ำ ผัดพอสุก




 วิธีทำน้ำจิ้ม
 ซีอิ้วหวาน ½ ถ้วยตวง 
น้ำส้มสายชู ¼ ถ้วยตวง
 น้ำตาลทราย ½ ถ้วยตวง 
ซีอิ้วดำหรือขาว ½ ถ้วยตวง
 พริกชี้ฟ้าแดง 5 เม็ด
 วิธีทำ
 นำส่วนผสมทั้งหมดยกเว้นพริกชี้ฟ้าแดงผสมคนให้เข้ากัน จากนั้นจึงใส่พริกชี้ฟ้าแดงแกะเม็ดโขลกละเอียด

สูตรจาก thaismescenter.com



สูตรที่3. ขนมกุยช่าย(แบบทอด)
#สูตรกุ่ยช่ายนี้ได้จากคุณยายงั๊กฮวยตลาดหัวตะเข้
กุ่ยชายทอด อาหารกินเล่นจานโปรดที่เรามักจะหาซื้อได้ง่าย จากร้านขายของกินเล่น ประเภทของทอด เพื่อนๆรู้ไหมคะ ว่ากุ่ยช่ายป็นขนม ของกินเล่นของประเทศจีน แต่ในปัจจุบันก็ได้มีการพัฒนารสชาติ และรูปร่างหน้าตาให้มีหลากหลายมากขึ้น ทั้งแบบ กลม แบบตัดเป็นสี่เหลี่ยม แต่ที่ชอบที่สุดคือ ขนมกุยช่ายที่เอามาทอดให้กรอบๆ ร้อนๆ กินกับน้ำจิ้มนั้นเอง วันนี้เลยขอเอาสูตรและวิธีทำกุ่ยช่ายทอดมาฝากกัน

วิธีปรุง: ทอด
วัตถุดิบ:
1.แป้งข้าวจ้าว 4 ถ้วย
2.แป้งมัน ½ ถ้วย
3.น้ำเปล่า 2 ถ้วย
4.เบคกิ้งโซดา ½ ช้อนชา
5.กระเทียมสับหยาบ 2 ช้อนชา
6.เกลือ 2 ช้อนชา
7.กุยช่าย 1 กิโลกรัม




#ขั้นตอนการทำกุยช่ายทอด
1.เริ่มจากหั่นใบกุ่ยช่าย เป็นท่อนเล็ก ๆ แล้วผึ่งไว้ให้สะเด็ดน้ำ
2.ตั้งกระทะเจียวกระเทียมให้หอม ใส่ใบกุ่ยช่าย เกลือ 1 ช้อนชา และ เบคกิ้งโซดาอีก ผัดจนใบกุ่ยช่ายนิ่ม
3.จากนั้นผสมแป้งมัน แป้งข้าวจ้าวเข้าด้วยกัน ด้วยน้ำเปล่า ใส่ใบกุ่ยช่ายที่ผัดและปรุงรสเรียบร้อยแล้วลงไป ผสมให้เข้ากันดี
4.ตักใส่ถาด สี่เหลี่ยมแล้วนำไปนึ่งให้สุก ประมาณ 20 นาที
5.พอนึ่งเสร็จแล้วก็ตัดเป็นชิ้นๆ ขนาดพอดีคำ จะได้ทอดสุกง่าย ตัดให้เท่าๆกันนะคะ
จะได้ทอดสุกพร้อมกัน ไม่มีชิ้นไหนไหม้ไปสะก่อน
6.นำลงทอดในน้ำมันที่ร้อนจัดให้เหลืองกรอบ

เคล็ดลับสูตรน้ำจิ้มกุยช่าย
#น้ำจิ้มกุ่ยช่าย
1.ซีอิ๊วดำหวาน 3 ช้อนโต๊ะ
2.น้ำเปล่า 3 ช้อนโต๊ะ
3.น้ำตาลทราย 2 ช้อนโต๊ะ
4.น้ำส้มสายชู 2 ช้อนโต๊ะ
5.เกลือ 1/8 ช้อนโต๊ะ (หรือประมาณ 1 หยิบมือ)
6. พริกชี้ฟ้า ตามชอบ
วิธีทำ
1. ผสมเครื่องปรุงต่างๆ เข้าด้วยกัน คนให้เข้ากันโดยเฉพาะต้องคนน้ำตาลให้ละลายจนหมด แล้วใส่พริกที่หั่นเรียบร้อยแล้วลงไป





ที่มา: dessertmanman/blogspot/com

วันศุกร์ที่ 23 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2561

รวม 5 สูตรขนมจีบรสเด็ด พร้อมเคล็ดลับสูตรเด็ดเพิ่มความอร่อย


รวม 5 สูตรขนมจีบรสเด็ด พร้อมเคล็ดลับสูตรเด็ดเพิ่มความอร่อย
ขนมจีบ (Shumai) หรือเรียกอีกอย่างว่า Chinese Steamed Dumpling ก็ได้ การทำขนมจีบไม่ใช่เรื่องยาก แต่การทำให้อร่อยนั้นต้องมีเคล็ดลับ เทคนิคกันหน่อย ทำอย่างไรให้ใส้ขนมจีบนุ่มหนึบ แป้งเกี้ยวขนมจีบไม่แข็ง มีรูปทรงสวย นึ่งแล้วขนมจีบไม่เละ อ่านบทความนี้เสร็จรับรองขนมจีบของท่านจะอร่อยแน่นอน โดยบทความนี้ได้รวมเอาสูตรขนมจีบแบบต่างๆ หลายสูตรด้วยกันให้ท่านเลือกตามชอบ พร้อมทั้งบอกสูตรเด็ดเคล็ดลับที่ทำให้ขนมจีบอร่อย ชนิดที่สามารถทำขายได้สบาย




สูตรที่1 ขนมจีบไส้หมูผสมกุ้ง
ส่วนผสมและเครื่องปรุง
- หมูบดแช่ช่องฟรีซเย็นพอเป็นเกล็ดน้ำแข๋ง 3-4 ขีด
- กุ้งสดหั่นชิ้น 1-2 ขีด
- ไข่ไก่ 1 ฟอง
- ต้นหอมซอย 2 ช้อนโต๊ะ
- น้ำมันหอย 1 ช้อนโต๊ะ
- น้ำตาลทราย 1 ช้อนชา
- เกลือ ½ ช้อนชา
- ซุปผงปรุงรส 1 ช้อนชา
- พริกไทยป่น 1 ช้อนชา
- น้ำมันงา 1 ช้อนโต๊ะ
- แผ่นเกี๊ยว 2 ห่อ

วิธีทำขนมจีบไส้หมูผสมกุ้ง
1. เริ่มจากนำหมูบดใส่ครก ตามด้วยตอกไข่ไก่ใส่ น้ำมันหอย น้ำตาลทราย เกลือ ซุปผงปรุงรส และพริกไทยป่น เพื่อที่จะทำให้ส่วนผสมต่างๆ เข้ากันดี ให้ค่อยๆ โขลกหมูในครกให้เข้ากับส่วนผสมอื่นๆ จนเนียนเหนียว และหนึบเด้งดึ๋งเป็นเนื้อเดียวกัน ใช้เวลาประมาณ 10 นาที ข้อดีอีกอย่างของการโขลกในครกแทนการนวดด้วยมือ คือ ความเย็นของหมู และการนำมาตำในครกจะทำให้หมูเหนียวเนียนนุ่มจับตัวดีโดยไม่ต้องใส่แป้งช่วย
 2. ตักหมูที่โขลกและปรุงรสจนได้ที่แล้วออกมาใส่ชามใหญ่ๆ หรือกะละมังสแตนเลสก็ได้ เพื่อผสมส่วนผสมอื่นต่อ ใส่กุ้งสดหั่นชิ้น ต้นหอมซอย และน้ำมันงา ถ้ามีไข่กุ้งจะใส่ผสมลงไปเพื่อเพิ่มความกรุบของไส้ก็ใส่ตอนนี้ได้เลย ส่วนน้ำมันงาใส่เพิ่มความหอม (โดยจะที่ไม่ใส่ตอนโขลกหมูในครก เพราะหมูจะเละและไม่เหนียวเนียนเข้ากันดี) คลุกเคล้าส่วนผสมทุกอย่างให้เข้ากันประมาณหนึ่งนาที
3. ตักไส้ประมาณหนึ่งช้อนโต๊ะลงบนแผ่นแป้งเกี๊ยว เสร็จแล้วก็จับจีบแป้งเกี๊ยวให้สวย บีบให้แน่นสักเล็กน้อย เสร็จแล้วใช้กรรไกรตัดปลายแผ่นเกี๊ยวที่เกินไส้ออกเล็กน้อย
4. นำขนมจีบใส่หม้อนึ่งที่มีใบตอง จากนั้นนึ่งไฟปานกลางจากน้ำเดือด จนกระทั่งสุก (นึ่งราวๆสิบนาที อย่านึ่งนาน นึ่งนานแป้งจะแห้ง สีไม่สวย)
พรมและคลุกเคล้าด้วยน้ำมันกระเทียมเจียว ควรคลุกเร็วๆ อย่าคลุกนานเดี่ยวจะอมน้ำมันเกินไป ตักใส่จาน ตกแต่งด้วยกระเทียมเจียว เสิร์ฟพร้อมผักสด เช่น ผักชี ผักกาดหอม และซอสจิ๊กโฉ่วหรือซอสพริกเปรี้ยวๆ หวานๆ ตามความชอบ




สูตรที่2 "ขนมจีบไส้หมูสับผสมกุ้งแบบที่2"
ส่วนผสม
เนื้อหมูบดหรือไก่บด       1        กิโลกรัม
เนื้อกุ้งสับ     300     กรัม
แผ่นเกี๊ยว     40     แผ่น
มันหมูสับ    200      กรัม(แช่เย็น)
ไข่ขาว            50     กรัม
โคนต้นหอมสับ   100 กรัม
เกลือ               1     ช้อนชา
น้ำตาลทราย     1     ช้อนโต๊ะ
ซีอิ๊วขาว            30  กรัม
แป้งมัน             20  กรัม
กระเทียมสับสำหรับเจียวโรยหน้า
รากผักชี กระเทียมโขลกละเอียด
พริกไทยป่นเล็กน้อย

วิธีทำ
1.เนื้อไก่บด/เนื้อกุ้งสับ มันหมูแช่เย็น ใส่เครื่องผสมอาหาร ตามด้วยไข่ขาว แป้งมัน โคนต้นหอม รากผักชี กระเทียมโขลกละเอียด ปั่นจนเข้ากันดี
2.ใส่เครื่องปรุง เกลือ น้ำตาลทราย ซีอิ๊วขาว พริกไทยป่น (ปรุงรสเพิ่มตามชอบ) ผสมจนเข้าดีนำไปแช่เย็น
3.นำแผ่นเกี๊ยวตัดมุมทั้ง 4 ด้าน ประมาณ1-1/2 นิ้ว นำมาห่อไส้ ขึ้นรูปตามต้องการ (เพื่อไม่ให้ติดมือใช้น้ำมันช่วยในการห่อ)
4.น้ำใส่หม้อตั้งไฟ จนเดือดเล็กน้อย นำขนมจีบที่ห่อเตรียมไว้ลงไปต้มจนแผ่นเกี๊ยวสุกลอย ตั้งใส่กระชอนพักให้สะเด็ดน้ำ คลุกน้ำมันกระเทียมเจียว
5.จัดขนมจีบใส่ลังถึง นึ่งอุ่นให้ขนมจีบร้อน
โรยกระเทียมเจียว พร้อมจัดเสิร์ฟคู่กับน้ำจิ้ม ผักกาดหอมผักชี

สูตรจาก fb: kitchen and angie



สูตรที่ 3 ขนมจีบใส้หมูนุ่ม
สูตรนี้จะเป็น ขนมจีบหมูล้วนๆ เป็นสูตรที่ทำง่าย มาลองดูวิธีการทำกันเลย
ส่วนผสมและเครื่องปรุง
- หมูบด เท่าไรก็ได้ตามชอบ
- แผ่นเกี๊ยว ยี่ห้ออะไรก็คล้ายกันหมด
- น้ำมันงา
- เหล้าจีน
- ซีอิ๊วขาว
- น้ำตาล
- แป้งข้าวโพดหรือแป้งมัน
- ผักชี (เอาราก)
- พริกไทย
วิธีทำ
2. นำหมูบด(ซื้อในห้างที่เค้าบดแล้วก็ได้ สัดส่วนกับมันหมูลงตัวพอดี) ใส่เหล้าจีน น้ำมันงา ซีอิ๊วขาว ซอสปรุงรส แล้วก็รากผักชี แล้วก็คลุก ๆ นวดๆ (เหล้าจีน กับน้ำมันงา อย่าใส่มากนะคะกลิ่นจะออก เหล้าจีน ไม่ใส่ก็ได้นะคะ แต่ถ้าใส่ แนะนำว่าควรหมักหมูทิ้งไว้สักพัก ให้กลิ่นเหล้าที่แรง ๆ ออกไปก่อนคะ) คลุกให้เข้ากันแล้วใส่แป้งข้าวโพดลงไป เพื่อความเนียนเข้ากัน ก็ใส่ครกตำได้เลยคะ ตำ ๆ แล้วจะเนียน
2. ได้หมูที่เนียนนุ่มแล้วพักไว้ในตู้เย็นสักพักให้เข้าเนื้อ นำแผ่นเกี๊ยวมาตัดให้ได้รูปทรง ใส่ไส้ลงไป ทำมือเป็นรูกลม ๆ เสร็จแล้วก็บีบ ก็จะได้ขนมจีบแบบมักง่าย ไว้กินเองแล้วคะ
3. นำขนมจีบใส่หม้อนึ่ง นึ่งไฟปานกลางจากน้ำเดือด จนกระทั่งสุก ตักใส่จาน ตกแต่งด้วยกระเทียมเจียว และผักชี

สูตรนี้โดยคุณมหาชะนี ได้โพสไว้ใน pantip.com


สูตรที่ 4 ขนมจีบหมูใส่แห้ว
ขนมจีบหมูใส่แห้วและเครื่องที่หลากหลาย มีขั้นตอนดังนี้
ส่วนผสมและเครื่องปรุง
- รากผักชี 8 ราก
- กระเทียมจีน 6 กรีบ
- หมู 1 กก
- มันหมู
- น้ำตาล 2 ช้อนชา
- เกลือ 1 ช้อนชา
- ซีอิ๊วขาว 2 ช้อนชา
- น้ำมันงา 2 ช้อนโต๊ะ
- พริกไทย
- ผงปรุงรสหมู 2/3 ช้อนชา
- แป้งข้าวโพด 2  ช้อนโต๊ะ
- หอมหัวใหญ่ 1 หัว
- แห้ว 10 ลูก
วิธีทำ
1. นำรากผักชีกับกระเทียมกรีบไปโขลกหรือปั่นด้วยเครื่องปั่น ให้ละเอียด นำหมูสับไปปั่นให้ละเอียด ล้างแห้วให้สะอาด ปอกเปลือก หั่นเป็นชิ้นเล็กๆ เตรียมไว้ 2. ผสมหมูสับปั่นละเอียดเข้ากับรากผักชีและกระเทียมที่ปั่นเตรียมไว้แล้ว นวดให้เข้ากันพร้อมกับ ใส่เกลือ น้ำตาล ผงปรุงรสหมู แห้ว หัวใหญ่สับ นวดส่วนผสมทุกอย่างให้เข้ากันดี จากนั้นปรุงรสด้วย แม๊กกี้ น้ำมันงา ซอสปรุงรส แป้งข้าวโพด พริกไทย นวดคลุกเคล้าส่วนผสมทุกอย่างให้เข้ากันประมาณหนึ่งนาที
 3. ตักไส้ประมาณหนึ่งช้อนโต๊ะลงบนแผ่นแป้งเกี๊ยว เสร็จแล้วก็จับรวบปลายทั้งสี่มุมมาขยุ้มรวมกัน บีบให้แน่นหนาไม่มีรูเปิดอ้า ห่อจนหมดไส้ที่ทำไว้ ใช้น้ำพรมแป้งเกี๊ยวเพื่อให้จีบสวยและเกาะยึดกันได้ดี
4. นึ่งไฟอ่อนจากน้ำเดือด ประมาณ 6 นาที วางขนมจีบห่างๆ กันจะได้ไม่ติดกัน ตักใส่จาน ตกแต่งด้วยกระเทียมเจียว ข้าวโพดต้ม เผือกต้ม เสิร์ฟพร้อมผักสด เช่น ผักชี ผักกาดหอม และซอสจิ๊กโฉ่วหรือซอสพริกเปรี้ยวๆ หวานๆ ตามความชอบ




สูตรที่ 5 ขนมจีบไส้หมูสับ
ส่วนผสมและเครื่องปรุง
- หมูสับ ,
- ไข่ไก่
- น้ำมันงา
- พริกไทยป่น
- น้ำปลา
- น้ำตาลทราย
- รากผักชี
- แครอทหั่นเต๋าเล็ก
- ซีอิ๊วขาวเห็ดหอม
- แผ่นเกี๊ยว
- กระเทียมสับ
วิธีทำ
1. โขลกรากผักชีให้ละเอียด นวดผสมหมูสับกับรากผักชีโขลก ใส่ไข่ไก่ น้ำมันงา พริกไทยป่น น้ำปลา น้ำตาลทราย และซีอิ๊วขาวเห็ดหอมลงไป คลุกเคล้านวดส่วนผสมให้เข้ากันดี (ส่วนผสมที่ได้ลักษณะเนียนเหนียว และหนึบเด้งดึ๋งเป็นเนื้อเดียวกัน ใช้เวลานวด 10 นาที โดยประมาณ)
2. ตัดแผ่นเกี๊ยวเป็นแผ่นวงกลม เตรียมไว้ ใช้แก้วครอบ เป็นตัวช่วยในการตัด เตรียมส่วนผสมสำหรับห่อ และเตรียมน้ำเปล่าใส่ถ้วยไว้เล็กน้อย วางแผ่นเกี๊ยวลงบนมือ ตักส่วนผสมหมูใส่ประมาณ 2 ช้อนชา รวบจับจีบให้สวยงาม ทำจนหมด
3. วางขนมจีบลงในหม้อนึ่ง พรมน้ำให้ทั่ว นำไปนึ่ง ใช้ไฟปานกลางจนสุก นึ่งจนสุก จัดใส่จาน โรยกระเทียมเจียว และผักชี พร้อมเสิร์ฟ

สูตรจากคุณอยากให้โลกนี้มีรอยยิ้มเรื่อยไป สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม




****เทคนิคและเคล็ดลับความอร่อย
- บางสูตรแนะนำว่า ก่อนห่อแผ่นเกี๊ยวเข้ากับไส้ ควรล้างแผ่นเกี๊ยวก่อน โดยการเอาแผ่นเกี๊ยวไปจุ่มนํ้า ถูเบาๆ หรือสะบัดๆ เอาแป้งขาวๆ ออก แต่อย่าจุ่มหรือแช่น้ำนานแผ่นเกี๊ยวจะเปื่อย เอาแค่หมาดๆพอ จากนั้นก็ห่อใส้หมูทั้งๆ ที่แผ่นเกี๊ยวยังเปียกหมาดๆ อยู่
ควรใช้กรรไกรหรือมีดตัดขอบแผ่นแป้งเกี๊ยวก่อนแล้วค่อยห่อ เพื่อให้ไส้พอดีกับแผ่นเกี๊ยว เพราะถ้าไม่ตัด ปลายแผ่นแป้งเกี๊ยวส่วนเกินนั้นจะแข็ง เนื้อหมู เลือกเนื้อส่วนหัวไหล่หมูบดรวมกับมันหมู ไส้หมูเราจะได้เด้งๆ หนึบ อร่อยกว่า

- ในขั้นตอนการนึ่ง นึ่งแค่ซักสิบนาทีก็พอ ให้ไส้มันพอเปลี่ยนเป็นสีขาวๆ อย่านึ่งนานเกินไป แผ่นแป้งเกี๊ยวจะแข็งกระด้าง ต้นหอมซอยที่ใส่ผสมกับเนื้อหมูช่วยเพิ่มกลิ่นหอม และสีสันให้แก่ขนมจีบ



Cr. สูตรอาหารและภาพอาหาร
thaiarcheep.com

วันพฤหัสบดีที่ 22 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2561

แจกฟรี 8 สูตรแซนวิช สร้างอาชีพ


เคล็ดลับวิธีการทำแซนด์วิชไส้ต่างๆ พร้อมแนะนำอุปกรณ์ที่จำเป็นสามารถเปิดร้านขายได้เลย

วิธีทำแซนด์วิชไส้ต่างๆ
(อาชีพขายแซนวิช ข้อมูลจาก กองส่งเสริมการมีงานทำ กรมการจัดหางาน)

อุปกรณ์
โต๊ะ เก้าอี้ ถาดวางแซนด์วิช มีด ขนมปัง พลาสติกใส(ห่อแซนด์วิช)
สก็อตเทป ตะกร้าใส่ของ
เงินลงทุน ครั้งแรกประมาณ 800 บาท
รายได้ ประมาณ 500 บาท/วัน

วัสดุ/อุปกรณ์
โต๊ะ-เก้าอี้
ถาดวางแซนด์วิช มีด เขียง
ภาชนะใส่ขนมปังและไส้
พลาสติกใส (ห่อแซนด์วิช)
สก๊อตเทป
ตะกร้าใส่ของ



1. แซนวิส ปูอัด
ส่วนผสมเครื่องปรุง
1.ปูอัด 120 กรัม
2.แตงกวาหั่นละเอียด 2 ช้อนโต๊ะ
3.แครอทหั่นละเอียด 2 ช้อนโต๊ะ
4.มายองเนส 100 กรัม
5.ขนมปัง (ไม่จำกัดชนิดแล้วแต่คนชอบแบบไหน)
6.น้ำตาลทราย 1/2 ช้อนโต๊ะ (***กรณีทำให้เด็ก เพราะจะเพิ่มรสหวานให้ถูกปาก)
วิธีทำ
1. ปูอัดยีให้เส้นไม่ติดกัน  จากนั้นน้ำปูอัด แตงกวา/แครอท หั่นละเอียดใส่ลงไปในมายองเนส เติมน้ำตาล
คน/ผสมให้เข้ากัน
2. ตักส่วนผสมประมาณช้อนนึง ลงบนขนมปัง หากชอบเยอะใส่เยอะได้ ระวังใส้จะเยิ้ม ล้น ทะลัก เอาขนมปังอีกแผ่นประกบ
ข้อแนะนำ
- หากส่วนผสมกินไม่หมด ใส่ขวดเข้าตู้เย็นได้ประมาณ 1 อาทิตย์
- ส่วนที่ทาขนมปังแล้ว ห่อ /ใส่กล่องปิดสนิทเก็บในตู้เย็นได้ไม่ควรเกิน 3 วัน เพื่อความสดและอร่อย


@ข้อมูลสูตรจาก คุณisolateboy เว็บ pantip



2. แซนวิชไส้สลัดเนื้อ
ส่วนผสมของแซนด์วิชไส้สลัดเนื้อ
-เนื้อสดหั่นเป็นชิ้นเล็ก ๆ 2 ถ้วยตวง
- รากผักชี 1 ช้อนโต๊ะ
- หอมหัวใหญ่ปอกเปลือก 1 ช้อนโต๊ะ
- พริกไทยป่น 1 ช้อนชา
- น้ำสลัด 3 ช้อนโต๊ะ
-  เกลือ
วิธีการทำแซนวิชไส้สลัดเนื้อ
1.เรียงขนมปังใส่ถาด ตัดขอบออก
2.นำเนื้อสดที่เตรียมมาสับให้ละเอียด หรือใส่โถปั่นให้ละเอียด
ผสมเกลือ พริกไทย รากผักชี เคล้าให้เข้ากันเป็นไส้ ทอดให้สุก แล้วพักไว้
3.นำหอมหัวใหญ่มาสับ ใส่พริกไทยป่น น้ำสลัด 3 ช้อนโต๊ะ
และเกลือเล็กน้อย คลุกให้เข้ากัน ทาบนเนื้อทอด
4.ทาเนยหรือมายองเนสบนขนมปัง ปิ้งด้านหลังให้เกรียม วางเนื้อทอดบนขนมปัง
5.นำขนมปังอีกชิ้นหนึ่งที่ตัดเหมือนกันมาวางประกบ ทำจนหมดขนมปัง
6.ห่อด้วยกระดาษห่อแซนด์วิช


 3. แซนด์วิชไส้แฮม
วิธีการทำแซนด์วิชไส้แฮม
1. นึ่งแฮมให้สุก
2. นำขนมปังมาตัดขอบแข็งออก แล้วทาเนยให้ทั่ว ใส่แตงกวาหรือผักดอง วางแฮมทับ
3. ปิดด้วยขนมปังอีกแผ่น
•เคล็ดลับการทำไส้แฮม
ถ้าต้องการให้มีความอร่อยเพิ่มขึ้น ควรหั่นแฮมเป็นชิ้นสี่เหลี่ยมเล็กๆ
ผสมกับมายองเนส เคล้าให้เข้ากันใช้ทำไส้




4. แซนด์วิชหมูหยอง
วิธีการทำแซนด์วิชหมูหยอง
1. นำขนมปังมาทาเนย ใส่หมูหยองแล้วเกลี่ยให้ทั่วแผ่น
2. ปิดด้วยขนมปังที่ทาด้วยมายองเนส
3. ใส่ฮอตดอกแบนๆ ปิดด้วยขนมปังอีก 1 แผ่น

วิธีทำไส้แซนด์วิช
ส่วนผสมมายองเนส (น้ำสลัด)
น้ำมันสลัด 2 ถ้วยตวง
ไข่แดง (ไข่ไก่) 6 ฟอง
มัสตาร์ด 1 ช้อนโต๊ะ
พริกไทยป่น 1 ช้อนชา
น้ำตาลทราย 1/3 ถ้วยตวง
เกลือป่น 1 ช้อนชา
น้ำมะนาว 5 ช้อนโต๊ะ
วิธีทำ
1.ผสมน้ำตาลทราย มัสตาร์ด พริกไทยป่น เกลือป่น เข้าด้วยกัน
2.ใส่ไข่แดงลงไปคนหรือใช้เครื่องตีจนขึ้นฟู
3.ใส่น้ำมันสลัดสลับกับน้ำมะนาวจนหมด


5. แซนด์วิชไส้ไก่
ส่วนผสมไส้ไก่
อกไก่ต้มสับละเอียด 1/2 ถ้วยตวง
หมูแฮมติดมันเล็กน้อยสับละเอียด 1/2 ถ้วยตวง
**ผักดองสับละเอียด 1 ช้อนโต๊ะ
มายองเนส (น้ำสลัด) 1/4 ถ้วยตวง
วีธีทำ
ผสมเครื่องปรุงพอเข้ากัน ทาบนขนมปังชิ้นหนึ่ง แล้ววางผักกาดหอมข้างบน
เอาขนมปังอีกชิ้นหนึ่งทาเนยบาง ๆ ประกบกับชิ้นแรก


**วิธีทำผักดอง
ส่วนผสมผักดอง
กะหล่ำปลีหั่นฝอย 2 ถ้วยตวง
แครอทหั่นฝอย 1 ถ้วยตวง
น้ำสำหรับดอง(น้ำส้มสายชู 1 ถ้วยตวง น้ำตาลทราย 1 ถ้วยตวงและเกลือป่น 1 ช้อนชา ผสมกัน)
วิธีทำ
1. เคล้ากะหล่ำปลีกับแครอทพอนิ่มล้างน้ำ ผึ่งให้สะเด็ดน้ำ
2. เทน้ำสำหรับดองใส่ในผัก เคล้าให้ทั่ว หมักไว้ 1 คืน
3. นำขึ้นจากน้ำดอง บีบให้แห้ง สับให้ละเอียด



6.  แซนวิชไส้ปลาทูน่า
ส่วนผสมไส้ปลาทูน่า
- ปลาทูน่ากระป๋องยีละเอียด 1 ถ้วยตวง
- หอมใหญ่สับละเอียด 1/4 ถ้วยตวง
- มายองเนส 1/4 ถ้วยตวง
- ก้านผักชีสับละเอียด 2 ช้อนโต๊ะ
วิธีทำ
ผสมเครื่องปรุงให้เข้ากันทาบนขนมปังชิ้นหนึ่ง
เอาขนมปังอีกชิ้นหนึ่งทาเนยบางๆ ประกบกับชิ้นแรก



 7. แซนด์วิชไส้กรอกหรือแฮม
ส่วนผสมไส้กรอกหรือแฮม
- ไส้กรอกหรือแฮมสไลซ์บางพอควร
- ผักดองสับละเอียด 1 ถ้วยตวง
 - มายองเนส (น้ำสลัด) 1 ถ้วยตวง
 วิธีทำ
ทาน้ำสลัดบนขนมปังชิ้นหนึ่ง โรยผักดองให้ทั่วแผ่น ปิดด้วยขนมปังอีกชิ้นหนึ่งซึ่งทาเนยด้านบน
จากนั้นวางไส้กรอกหรือแฮมข้างบนขนมปัง เอาขนมปังอีกชิ้นหนึ่งทาเนยบางๆ ประกบรวมเป็นขนมปัง 3 แผ่น


8.  แซนด์วิชไส้หมูหยอง
ส่วนผสมไส้หมูหยอง
ผสมหมูหยองกับน้ำสลัด คลุกให้เข้ากัน ใส่วางบนขนมปังที่ทาเนยแล้ววางประกบกัน
วิธีทำแซนด์วิช
1. นำขนมปังมาตัดริมแข็งออก
2. ใส่ไส้ แล้วประกบกัน 2 แผ่น หรือ 3 แผ่นตามต้องการ
จากนั้นตัดครึ่งเป็นชิ้น 3 เหลี่ยมหรือตัดอีกครึ่งเป็นชิ้น 3 เหลี่ยมเล็ก
3. ห่อด้วยกระดาษพลาสติกใส


***เคล็ดลับการเก็บแซนด์วิช ควรเก็บไว้ในตู้เย็น เมื่อจะขาย
ผู้ทำก็สามารถนำออกมาวางจำหน่ายได้เลย ส่วนการหั่นขนมปังนั้น
ผู้ทำควรใช้มีดหั่นทแยงมุม จะได้แซนด์วิชรูปสามเหลี่ยม 2 ชิ้น

ข้อแนะนำ
1.ไส้แซนด์วิชสามารถดัดแปลงได้อีกมาก เช่น ไส้หมูหยองกับน้ำพริกเผา ไส้ตับบด ไส้ไข่ต้มสุก ฯลฯ
2.ควรเลือกใช้ขนมปังที่ใหม่ สด และนิ่ม และหากต้องการความสะดวกก็ใช้ขนมปังชนิดที่ตัดขอบสำเร็จแล้ว
3.ควรขายในเวลาเช้า เพราะบุคคลส่วนใหญ่มักรับประทานเป็นอาหารเช้า


ขอบคุณภาพประกอบจากอินเตอร์เน็ต google

วันพุธที่ 21 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2561

แจก 17 สูตรวิธีการชงกาแฟ โอเลี้ยง ยกล้อ กาแฟโบราณ หมดเปลือก เปิดร้านขายได้เลย




เผยสูตรวิธีการชงกาแฟ โอเลี้ยง ยกล้อ กาแฟโบราณบอกหมดเกลี้ยงพร้อมเปิดร้านได้เลย

วิธีการชงกาแฟ โอเลี้ยง ยกล้อ กาแฟโบราณ

1. สูตรชงเนสกาแฟร้อน
เนสกาแฟ 2 ช้อนชา
คอฟฟี่เมต 2 ช้อนชา คนให้เข้ากัน
นมข้นหวาน 2 ช้อนชา (อาจจะเพิ่มตามเหมาะสมถ้าชอบหวาน)
เติมน้ำ 2/4 แก้ว
ใส่นมสดไม่ต้องคนเพราะคนทานจะคนเอง


2. สูตรชงเนสกาแฟเย็น
เนสกาแฟ 2 ช้อนชา
คอฟฟี่เมต 2 ช้อนชา
น้ำตาลทราย 1 ช้อนโต๊ะ
เติมน้ำ 3/4 แก้ว
นมข้นหวาน 2 ช้อนชา
คนให้เข้ากันเทใส่น้ำแข็งโรยนมสด




3. สูตรชงกาแฟโบราณร้อน
เทน้ำกาแฟครึ่งแก้ว
นมข้น 2 ช้อนชา
เทนมสดใส่ลงไป
ไม่ต้องคน เสิร์ฟเลย


4. โอเลี้ยง
ส่วนผสม (สำหรับ 2-3 เสิร์ฟ)
ผงโอเลี้ยง 5-6 ช้อนโต๊ะ
น้ำ 1 1/2 ถ้วย
น้ำตาลทราย 10 ช้อนโต๊ะ
น้ำแข็ง
วิธีทำ
1. ต้มน้ำจนเดือด เตรียมไว้
2. ใส่ผงโอเลี้ยงลงในถุงกาแฟ นำไปวางลงในเหยือกสแตนเลส เทน้ำเดือดลงไป เขย่าถุงเล็กน้อยให้น้ำทั่วถึงกาแฟ พักทิ้งไว้ 7-10 นาที
3. ใส่น้ำตาลลงในแก้วตามชอบ เทโอเลี้ยงตามลงไปคนผสมให้น้ำตาลทรายละลาย เทใส่แก้วที่มีน้ำแข็งจนเต็ม พร้อมเสิร์ฟ



5. ยกล้อ
ส่วนผสม (สำหรับ 2-3 เสิร์ฟ)
ผงโอเลี้ยง 5-6 ช้อนโต๊ะ
น้ำ 1 1/2 ถ้วย
น้ำตาลทราย 10 ช้อนโต๊ะ
น้ำแข็ง
นมข้นจืด
วิธีทำ
1. ต้มน้ำจนเดือด เตรียมไว้
2. ใส่ผงโอเลี้ยงลงในถุงกาแฟ นำไปวางลงในเหยือกสแตนเลส เทน้ำเดือดลงไป เขย่าถุงเล็กน้อยให้น้ำทั่วถึงกาแฟ พักทิ้งไว้ 7-10 นาที
3. ใส่น้ำตาลลงในแก้วตามชอบ เทโอเลี้ยงตามลงไปคนผสมให้น้ำตาลทรายละลาย เทใส่แก้วที่มีน้ำแข็ง ประมาณ 3/4 แก้ว แล้วเทนมข้นจืดลงไปจนเต็มแก้ว พร้อมเสิร์ฟ


6. กาแฟโบราณเย็น
ส่วนผสม (สำหรับ 2-3 เสิร์ฟ)
ผงโอเลี้ยง 5-6 ช้อนโต๊ะ
น้ำ 1 1/2 ถ้วย
น้ำตาลทราย 4 ช้อนโต๊ะ
นมข้นหวาน 9 ช้อนโต๊ะ
นมข้นจืด
น้ำแข็ง
วิธีทำ…
1. ต้มน้ำจนเดือด เตรียมไว้
2. ใส่ผงโอเลี้ยงลงในถุงกาแฟ นำไปวางลงในเหยือกสแตนเลส เทน้ำเดือดลงไป เขย่าถุงเล็กน้อยให้น้ำทั่วถึงกาแฟ พักทิ้งไว้ 7-10 นาที
3. ใส่น้ำตาลทรายลงในแก้ว ตามด้วยนมข้นหวาน เทโอเลี้ยงใส่ลงไป คนผสมให้เข้ากันจนน้ำตาลทรายละลาย เทใส่ลงในแก้วที่มีน้ำแข็งประมาณ 3/4 แก้ว แล้วเทนมข้นจืดลงไปจนเต็มแก้ว พร้อมเสิร์ฟ



7. ชาร้อนโบราณ
เติมผงชาใส่ถุงชง 3 ช้อนโต๊ะ ใส่น้ำร้อน ถ่ายเทไปมา ขั้นตอนเหมือนกาแฟ
-เทน้ำชาครึ่งแก้ว
-นมข้น 2 ช้อนชา
-เทนมสดลงไปนับ1-2-3ไม่ต้องคนเช่นกัน เสิร์ฟเลย


8. ชาดำเย็น
-เทน้ำชาที่อยู่ในถุงชง 1/2 แก้ว
-ใส่น้ำตาลทราย1 ช้อนครึ่ง ช้อนโต๊ะ แล้วคนให้ละลาย
-ตักน้ำแข็งเต็มแก้ว เทชาที่ชงแล้วใส่แก้วน้ำแข็ง พร้อมเสริฟ
-ถ้าอยากได้ชามะนาวใส่น้ำมะนาวลงไปครึ่งลูก และเติมเกลือลงไปปลายช้อนเล็กน้อยก่อนใส่น้ำแข็ง



9. ชาเย็น (ชานม)
-เทน้ำชาที่อยู่ในถุงชง เทใส่แก้ว 1/2 แก้ว
-ใส่นมข้น 2 ช้อนชา
-ใส่น้ำตาลทราย 1 ช้อนครึ่ง (ช้อนโต๊ะ) คนให้เข้ากัน
-ตักน้ำแข็งใส่แก้ว เทนมสดโรย เทน้ำชาที่ชงไว้ แล้วตามด้วยนมสด วนรอบปากแก้วอีกครั้ง


10. สูตรโอวัลติน ร้อน
-ตักผงโอวัลติน(สูตร 3) 2ช้อนชา
-เติมน้ำร้อน1/2 แก้วชงให้ละลาย
 -นมข้นหวาน 2 ช้อนชา
-เหยาะนมสดนับ 1 พร้อมเสิร์ฟเลย


11. สูตรโอวัลตินเย็น
-ตักผงโอวัลติน(สูตร 3) 2ช้อนชา
-น้ำตาลทราย 1 ช้อนโต๊ะ
-น้ำร้อน 1/2 แก้ว คนให้ละลาย
-นมข้นหวาน 2 ช้อนชา คนให้ละลาย
-ตักน้ำแข็งใส่แก้วโรยนมสด ตามด้วยน้ำโอวัลตินที่ชงไว้แล้ว ตามด้วยนมสดวนรอบปากแก้ว…พร้อมเสิร์ฟ



12. สูตรน้ำแดงชง
-น้ำหวานเฮลบลูบอย์ครึ่งแก้ว
-ใส่น้ำร้อนลงไป 3/4 แก้ว
-ถ้าลูกค้าต้องการหวานๆใส่น้ำตาลทราย 1-2 ช้อนโต๊ะ
-ใส่น้ำแข็ง พร้อมเสิร์ฟ


13. สูตรโกโก้ร้อน
-ตักผงโกโก้ 1 ช้อนชา
-น้ำตาล 1 ช้อนชา
-ใส่น้ำร้อน1/2 แก้ว คนให้ละลาย
-นมข้นหวาน 1 ช้อนชา
-เหยาะนมสด นับ 1-2-3 เสริฟพร้อมน้ำชาร้อน


1. สูตรโกโก้เย็น
-ตักผงโกโก้ 1 ช้อนชา
-น้ำตาล 1 ช้อนชาครึ่ง
-ใส่น้ำร้อน ½ แก้วคนให้ละลาย
-นมข้นหวาน 2 ช้อนชาคนให้ละลาย
-ตักน้ำแข็งใส่แก้วโรยนมสด ตามด้วยโกโก้ที่ชงไว้


15. สูตรน้ำบ๊วยเย็น
-บ๊วย 1 ลูกพร้อมน้ำบ๊วย 3 ช้อนชา
-น้ำตาลทราย 2 ช้อนโต๊ะ บี้ส่วนผสมทั้งหมดให้เข้ากัน
-ใส่น้ำร้อน ½ แก้ว คนให้เข้ากัน
-ตักน้ำแข็งให้เต็มแก้ว เทน้ำบ๊วยที่ชงไว้พร้อมทาน


16. สูตร นมเย็น เขียว – แดง
-น้ำแดงหรือน้ำเขียว 2 ช้อนโต๊ะ
-น้ำตาลทราย 1 ช้อนครึ่ง
-นมข้นหวาน 2 ช้อนชา
-ใส่น้ำร้อน ½ แก้วคนให้ละลาย
-ตักน้ำแข็งเต็มแก้วโรยนมสด เทน้ำที่ชงไว้ ลงไป


17. การทำไข่ลวก
-ไข่ 2 ใบ ใส่แก้ว อะลูมิเนียมจะดีที่สุดใส่น้ำเดือดจัด ให้ท่วมไข่
-ใช้เวลา 3 นาที
-ตอกไข่ใส่แก้ว เสริฟพร้อม ซอสภูเขา พริกไทยเกลือ อย่าลวกทิ้งไว้ จะทานค่อยลวก


ที่มา yaimouth.com
ภาพประกอบจากอินเตอร์เน็ต

แจกฟรี 10 สูตร น้ำผลไม้ปั่น สำหรับทำขาย สร้างอาชีพ


สูตรน้ำผลไม้ปั่นแสนอร่อย สดชื่น เหมาะกับอากาศร้อนๆ สามารถสร้างเป็นอาชีพได้ โดยขั้นตอนการทำไม่ยุ่งยากทำเป็นงานเสริมเพิ่มรายได้และเป็นอีกหนึ่งช่องทางทำเงินง่ายๆสำหรับท่านที่กำลังมองหาอาชีพ




1.สูตรน้ำกล้วยหอมปั่น
ส่วนผสม
กล้วยหอมหั่นท่อนสั้น 1 ถ้วย
นมสด 3 ช้อนโต๊ะ
น้ำเชื่อม 1/ 2 ถ้วย
เกลือป่น 1/4 ช้อนชา
น้ำแข็งบดละเอียด 1 ถ้วย
วิธีทำ
1. ใส่กล้วยหอม นมสด น้ำเชื่อม เกลือป่น น้ำแข็งและน้ำต้มลงในโถปั่น ปั่นให้เข้ากันดี
2. เทใส่แก้วทรงสูง เสิร์ฟพร้อมหลอดดูด และไม้ คน หรือ จะแช่เย็นดื่มโดยไม่ใส่น้ำแข็ง



2.น้ำส้มปั่น
ส่วนผสม
ส้ม 4-5 ลูก
น้ำเชื่อม 3 1/2-4 ออนซ์
เกลือป่นเล็กน้อย
น้ำมะนาวเล็กน้อย เพื่อเพิ่มความเปรี้ยว
น้ำแข็งบดละเอียด 1 ถ้วย
วิธีทำ
1.นำส่วนผสมทุกอย่างใส่รวมกันในเครื่องปั่นผลไม้
2.ปั่นให้ละเอียดแล้วเทใส่แก้ว และตกเเต่งให้สวยงามด้วย


3.น้ำแอปเปิ้ลปั่น
ส่วนผสม
แอปเปิ้ลแดงหรือเขียวหั่น 1/2 ถ้วย
น้ำเชื่อม 3 ช้อนโต๊ะ
เกลือป่น 1/4 ช้อนชา
น้ำแข็งป่น 1 แก้ว
น้ำมะนาวเล็กน้อย เพื่อเพิ่มความเปรี้ยว
น้ำแข็งบดละเอียด 1 ถ้วย
วิธีทำ
1.ล้างแอปเปิ้ลให้สะอาด หั่นเป็นชิ้นเล็กๆ แล้วใส่เครื่องปั่น หากชอบรสชาติเปรี้ยว อาจจะเติมน้ำมะนาวลงไปอีกเล็กน้อย
2.ใส่น้ำแข็ง น้ำเชื่อม และเกลือเล็กน้อย ปั่นให้น้ำแข็งละเอียดเป็นเนื้อเดียวกัน จึงเทใส่แก้วพร้อมเสริฟ


4.น้ำแครอทปั่น
ส่วนผสม
แครอทหั่นเล็ก ๆ 3 ช้อนโต๊ะ
น้ำเชื่อมเข้มข้น 8 ช้อนโต๊ะ
น้ำมะนาว 2 ช้อนโต๊ะ
เกลือ 1 /4ช้อนชา
น้ำแข็งบดละเอียด 1 ถ้วย
วิธีทำ
1.นำส่วนผสมทุกอย่างใส่รวมกันในเครื่องปั่นผลไม้
2.ปั่นให้ละเอียดแล้วเทใส่แก้ว และตกเเต่งให้สวยงามด้วย

5.น้ำสัประรดปั่น
ส่วนผสม
เนื้อสับปะรด 1 ถ้วยตวง (หั่นเป็นชิ้นสี่เหลี่ยมลูกเต๋า)
น้ำสับปะรด 1/2 ถ้วยตวง
น้ำมะนาว 1 ช้อนโต๊ะ
น้ำเชื่อม 8 ช้อนโต๊ะ
เกลือป่น 1/4 ช้อนชา
น้ำแข็งบดละเอียด 1ถ้วยตวง
วิธีทำ
1.นำส่วนผสมทุกอย่างใส่รวมกันในเครื่องปั่นผลไม้
2.ปั่นให้ละเอียดแล้วเทใส่แก้ว และตกเเต่งให้สวยงามด้วย

6.น้ำสตอเบอรี่ปั่น
ส่วนผสม
สตอเบอร์รี่สดผ่าครึ่ง 1 ถ้วย (ใช้สตอเบอร์รี่แช่แข็งก็ได้ค่ะ หาซื้อได้ที่ ห้างmakro)
นมข้นหวาน 1 ออนซ์
โยเกิร์ตรสธรรมชาติ 1 ออนซ์
นมสดรสจืด 2 ออนซ์
น้ำมะนาว 1 ช้อนชา
น้ำแข็งบดละเอียด 1 ถ้วย
วิธีทำ
1.นำทุกอย่างใส่รวมกันในเครื่องปั่นผลไม้
2.ปั่นให้ละเอียดแล้วเทใส่แก้ว และฝานสตรอเบอรี่สดแต่งหน้าให้สวยงามพร้อมเสิร์ฟ


7.แตงโมปั่น
ส่วนผสม
น้ำเชื่อม  2 ออนซ์
น้ำหวานเฮลลูบอย สีแดง  2 ช้อนชา
แตงโม 1 ชิ้นใหญ่
สามารถใส่นมสดได้ 1 ออนซ์ (แล้วแต่ลูกค้าชอบ)
น้ำแข็งบดละเอีด 1ถ้วย
วิธีทำ
1.นำทุกอย่างใส่รวมกันในเครื่องปั่นผลไม้
2.ปั่นให้ละเอียดแล้วเทใส่แก้วและแต่งหน้าให้สวยงามพร้อมเสิร์ฟ


8.น้ำมะนาวปั่น
ส่วนผสม
น้ำมะนาว 50 กรัม ประมาณ 2 ลูก
น้ำเชื่อม 8ช้อนโต๊ะ
น้ำเปล่า สะอาด 1 ถ้วยตวง
เกลือป่นเสริมไอโอดีน 1/2 ช้อนชา
วิธีทำ
1.นำทุกอย่างใส่รวมกันในเครื่องปั่นผลไม้
2.ปั่นให้ละเอียดแล้วเทใส่แก้วและแต่งหน้าให้สวยงามพร้อมเสิร์ฟ

9. น้ำแข็งกาแฟปั่น
น้ำแข็งขนาดแก้ว 16 ออนซ์
กาแฟสำเร็จ 2-3 ช้อนชา
ครีมเทียม 2 ช้อนชา
หรือนมสด 4 ออนซ์
น้ำเชื่อม 2 1/2-3 ออนซ์
วิธีทำ
1.นำทุกอย่างใส่รวมกันในเครื่องปั่น
2.ปั่นให้ละเอียดแล้วเทใส่แก้วและแต่งหน้าให้สวยงามพร้อมเสิร์ฟ

10.ไมโลปั่น
น้ำแข็งขนาดแก้ว 16 ออนซ์
ไมโลสำเร็จ 2-3 ช้อนชา
ครีมเทียม 2 ช้อนชา
หรือนมสด 4 ออนซ์
น้ำเชื่อม 2  ออนซ์
นมข้นหวาน 2ช้อนชา
วิธีทำ
1.นำทุกอย่างใส่รวมกันในเครื่องปั่น
2.ปั่นให้ละเอียดแล้วเทใส่แก้วและแต่งหน้าให้สวยงามพร้อมเสิร์ฟ


11. ช็อกโกแลตปั่น
น้ำแข็งขนาดแก้ว 16 ออนซ์
ผงช็อกโกแลตสำเร็จ 1 ช้อนชา
ครีมเทียม 2 ช้อนชา
หรือนมสด 4 ออนซ์
น้ำเชื่อม 2 ออนซ์
นมข้นหวาน 2ช้อนชา
วิธีทำ
1.นำทุกอย่างใส่รวมกันในเครื่องปั่น
2.ปั่นให้ละเอียดแล้วเทใส่แก้วและแต่งหน้าให้สวยงามพร้อมเสิร์ฟ




การทำน้ำเชื่อม
น้ำเชื่อมชนิดเข้มข้น
ส่วนผสม
น้ำตาลทราย 4 กิโลกรัม
น้ำสะอาด 2 ลิตร


น้ำเชื่อมชนิดใส
ส่วนผสม
น้ำตาลทราย 1 กิโลกรัม
น้ำสะอาด 1 กิโลกรัม


แชร์เก็บไว้เลย !!! แจก 17 สูตรวิธีการชงกาแฟ โอเลี้ยง ยกล้อ กาแฟโบราณ หมดเปลือก เปิดร้านขายได้เลย

เผยสูตรวิธีการชงกาแฟ โอเลี้ยง ยกล้อ กาแฟโบราณบอกหมดเกลี้ยงพร้อมเปิดร้านได้เลย วิธีการชงกาแฟ โอเลี้ยง ยกล้อ กาแฟโบราณ 1. สูตรชง...